การบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
(Emergency Medical Services)
คือ
การขยายการบริการดูแลรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินออกไปครอบคลุมตั้งแต่ก่อนที่ผู้ป่วยจะมาถึงโรงพยาบาล
องค์ประกอบ 15 อย่างในการจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉินได้แก่
- กำลังคน (Manpower) :มีการกำหนดบทบาทหน้าที่และขอบเขตความรับผิดชอบของกำลังคน ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล เวชกรฉุกเฉิน (EMT) และชุดปฏิบัติการฉุกเฉินระดับเบื้องต้น (First responder)
- การฝึกอบรม (Training): การผลิตบุคลากรใหม่ให้เพียงพอต่อความต้องการและมีการให้การศึกษาต่อเนื่องสำหรับบุคคลากรเก่า (เช่นแบบออนไลน์) เพื่อให้มีความรู้ที่ทันสมัยและคงทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน
- ระบบสื่อสาร (Communications) มีเบอร์โทรศัพท์ที่จำง่ายและสามารถใช้ได้ทั้งประเทศ (1669 หรือ 911) มีระบบที่สามารถระบุตำแหน่งพิกัดสถานที่โทรแจ้งได้ มีเจ้าหน้าที่ศูนย์รับแจ้งเหตุที่ได้รับการอบรมให้สามารถรวบรวมข้อมูลที่จำเป็น ส่งทีมที่เหมาะสมออกไป รวมถึงให้คำแนะนำด้านการรักษา มีระบบการสื่อสารระหว่างทีมที่ออกปฏิบัติการและโรงพยาบาลปลายทาง ระบบเทเลเมดิซีน (Telemedicine) ให้แพทย์สามารถดูแลและให้คำปรึกษาได้ตลอดเวลา และเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีระบบการสื่อสารสำรองในกรณีที่ระบบหลักใช้งานไม่ได้ (เช่นเกิดภัยพิบัติ)
- การลำเลียง (Transportation) โดยรถแบ่งออกเป็น รถสำหรับชุดปฏิบัติการระดับพื้นฐานและระดับกลางหรือสูง ซึ่งมียาและอุปกรณ์ที่แตกต่างกันตามระดับของบุคลากรที่ออกปฏิบัติงาน ในระดับต้นอาจมี AED, O2, BVM, อุปกรณ์ดาม ยึด ตรึงและอุปกรณ์ทำแผล แต่ไม่มียาหรืออุปกรณ์ IV นอกจากนี้ยังมีการลำเลียงทางเฮลิคอปเตอร์และทางเรืออีกด้วย
- โรงพยาบาลปลายทาง (Facilities and Critical-Care Units) มีระบบการส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากความหนักเบาของผู้ป่วย และความชำนาญเฉพาะด้านของแต่ละโรงพยาบาล อาจจัดทำเป็นฐานข้อมูลในระบบอินเตอร์เน็ต รายงานสถานการณ์จำนวนผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินและจำนวนเตียงว่างของโรงพยาบาล
- ความร่วมมือกับฝ่ายตำรวจและดับเพลิง (Public safety agencies) โดยให้การดูแลด้านความปลอดภัยของสถานที่เกิดเหตุ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเป็นคนแรกก็สามารถให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ และบ่อยครั้งที่บุคคลากรทางการแพทย์อาจเข้าไปให้การสนับสนุนด้านการแพทย์แก่ฝ่ายตำรวจหรือดับเพลิงในสถานการณ์ที่เป็นอันตราย
- การมีส่วนร่วมของผู้ใช้บริการ (Consumer participation) ทั้งภาครัฐและภาคประชาชนในการมีส่วนร่วมกำหนดนโยบาย อาจมีระบบการบริหารจัดการระดับท้องถิ่นโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีตัวแทนจากประชาชนเป็นหนึ่งในกรรมการในระบบการแพทย์ฉุกเฉินของท้องถิ่น และรวมถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเป็นอาสาสมัคร
- การเข้าสู่บริการ (Access to care) ต้องให้มั่นใจได้ว่าประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงการดูแลได้ในเวลาที่รวดเร็วโดยไม่มีเงื่อนไขของค่าใช้จ่ายและสิทธิประโยชน์ต่างๆมาเป็นอุปสรรค อาจต้องมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการกระจายออกไปในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกล หรืออาจใช้เฮลิคอปเตอร์
- การส่งต่อผู้ป่วย (Patient transfer) ระหว่างโรงพยาบาล มีการตกลงร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลต่างๆ กำหนดแนวทางการประสานงานการส่งต่อ ในโรงพยาบาลต้นทางต้องทำการตรวจและพยายามรักษาให้ผู้ป่วยมีอาการคงที่เสียก่อน
- การบันทึกข้อมูล (Coordinated patient record keeping) ต้องอ่านง่าย เข้าใจง่าย เข้าถึงได้ง่ายและมีมาตรฐานเดียวกัน มีการรักษาความลับข้อผู้ป่วย ปัจจุบันใช้การบันทึกลงในฐานข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ซึ่งโรงพยาบาลสามารถพิมพ์ออกมาได้
- การให้ข้อมูลและความรู้แก่ประชาชน (Public information and education) ให้รู้จักการโทรแจ้งเหตุเฉพาะในกรณีที่จำเป็น สอนให้รู้จักการดูแลตนเองเบื้องต้น การกู้ฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน การเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติเบื้องต้น
- การทบทวนและประเมินผล (Review and evaluation) ให้ทำเป็นประจำ อาจทำโดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้แก่ การตรวจสอบระบบการสื่อสาร กรอบเวลาต่างๆ เช่น เวลาในการออกเหตุ เวลาที่สถานที่เกิดเหตุ การบันทึกข้อมูล ผลการรักษา รวมถึงการทำวิจัยในการพัฒนางานด้านนี้
- แผนรับมือภัยพิบัติ (Disaster plan) ของระบบบริการแพทย์ฉุกเฉินร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ มีการซ้อมแผนร่วม การสต็อกอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ต่างๆ
- การช่วยเหลือกันระหว่างท้องถิ่น (Mutual aid) มีการตกลงให้ความช่วยเหลือจากท้องถิ่นอื่น ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องการทรัพยากรมากกว่าปกติ ซึ่งหน่วยงานในท้องถิ่นไม่สามารถปฏิบัติงานได้ทัน มีตกลงเรื่องค่าใช้จ่าย และแนวทางการบังคับบัญชาในสถานที่เกิดเหตุ
ระบบ EMS ในอนาคต
- มีการใช้เครื่อง AED ในการปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้น
- มีการใช้เครื่อง Automatic chest compression
- การทำ therapeutic hypothermia
- การ activated catheterization labs ในเคส STEMI
- ระบบ Telemedicine
สามารถดูคู่มือ/แนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับองค์ประกอบข้างต้น สื่อประชาสัมพันธ์ ความรู้ในการปฐมพยาบาล
และการเตรียมตัวในภาวะภัยพิบัติได้ที่ www.niems.go.th
Ref: Tintinalli ed8th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น