นิยาม:
ความดันโลหิตปกติ
คือ SBP < 120 mmHg และ
DBP < 80 mmHg และถือว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงเมื่อ
SBP > 130 mmHg หรือ
DBP > 80 mmHg
อุบัติการณ์ เริ่มพบความดันโลหิตสูงได้ตั้งแต่อายุ 20 ปี เฉลี่ย 45% ในผู้ชายและ 36% ในผู้หญิงเอเชีย
แนะนำให้ค้นหาปัจจัยเสี่ยงที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ของโรคหัวใจและหลอดเลือด
(modifiable CVD risk)
ที่มักพบร่วมกับโรคความดันโลหิตสูง
ได้แก่ การได้รับควันบุหรี่ทั้งทางตรงและทางอ้อม โรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน
การขาดกิจกรรมทางกาย และการกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
การวัดความดันโลหิตให้ถูกต้องประกอบไปด้วย
- การเตรียมคนไข้: ไม่ดื่มชา/กาแฟอย่างน้อย 30 นาที ปัสสาวะก่อนวัด นั่งพัก > 5 นาที หลังพิงพนัก เท้าวางกับพื้น ผ่อนคลาย ไม่พูดคุย เอาเสื้อผ้าในตำแหน่งที่จะวัดออก
- เทคนิคการวัด: ใช้เครื่องวัดที่ได้มาตรฐาน แขนข้างที่วัดวางบนโต๊ะ ให้กึ่งกลาง BP cuff อยู่ระดับเดียวกับ right atrium (กลางกระดูกสันอก) เลือกขนาด cuff ที่เหมาะสมโดยส่วน bladder คลุมรอบแขนได้ 80%
- การวัด: ครั้งแรกให้วัดแขนทั้ง 2 ข้าง โดยเลือก BP ข้างที่สูงกว่า (ปกติจะต่างกันไม่เกิน 20/10) วัดซ้ำห่างกัน 1-2 นาที แล้วหาค่าเฉลี่ย > 2 ครั้งขึ้นไป
JAMA. |
แนะนำให้วัดความดันโลหิตนอกสถานพยาบาลร่วมด้วย
เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและใช้ในการปรับยา โดยใช้เครื่องวัดแบบพกติดตัว
(ambulatory BP monitoring; ABPM) หรือเครื่องวัดความดันโลหิตอัตโนมัติที่บ้าน
(home BP monitoring; HBPM) โดนให้แนะนำเทคนิคการวัดที่ถูกต้อง
โดยแนะนำให้วัด > 2 ครั้งห่างกัน
1 นาทีตอนเช้าก่อนกินยา
และตอนเย็นก่อนกินมื้อเย็น ดีที่สุดคือวัดทุกวัน หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละวัน
x 2 สัปดาห์หลังปรับยาและสัปดาห์ก่อนวันนัด
- ถ้า SBP 130-160 mmHg หรือ DBP 80-100 mmHg ให้ค้นหาว่ามีภาวะ white coat hypertension (ความดันโลหิตสูงปลอม ที่จะวัดได้สูงเฉพาะที่รพ.) หรือไม่
- ถ้า BP สูงกว่าค่าปกติ (SBP 120-129 mmHg หรือ DBP 75-79 mmHg) ให้ค้นหาว่ามีภาวะ masked hypertension (เป็น HT ที่วัดที่รพ.ได้ปกติ แต่วัดที่บ้านได้สูง) หรือไม่
- ในรายที่เป็น HT ที่ใช้ยา > 3 ชนิด และ BP ที่รพ.ยังสูงกว่าเป้าหมายไม่มาก (5-10 mmHg) ให้ดูว่ามีภาวะ white coat hypertension ร่วมด้วยหรือไม่
- ในรายที่รักษา HT และวัด BP ที่รพ.ได้ตามเป้าหมาย แต่เกิด target organ damage (TOD) ให้หาว่ามีภาวะ masked uncontrolled hypertension หรือไม่ (ถ้า HBPM พบว่า BP สูงให้ยืนยันด้วย ABPM ก่อน)
การประเมินผู้ป่วย
- Primary HT โดยทั่วไป BP จะค่อยๆสูงขึ้นช้าๆ มีปัจจัยทางพฤติกรรมที่ทำให้ BP สูง (น้ำหนักขึ้น กินเกลือมาก มีกิจกรรมทางกายลดลง ดื่มแอลกอฮอล์มาก เปลี่ยนลักษณะงานทำให้ต้องเดินทางมากขึ้น) มีประวัติครอบครัวเป็น HT
- ค้นหา secondary HT เฉพาะในรายที่มีลักษณะให้สงสัย ได้แก่
- Drug-resistance/induced HT
- HT ที่เป็นอย่างฉับพลัน หรือเริ่มเป็นก่อนอายุ 30 ปี
- HT ที่เป็นมากขึ้น หลังจากที่เคยคุมได้ดี
- เกิด TOD โดยไม่สัมพันธ์กับความรุนแรงของ HT
- Accelerated/malignant HT
- เกิด diastolic HT ในคนสูงอายุ (> 65 ปี)
- มี hypokalemia อย่างรุนแรง หรือ เกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ
Secondary
HT
|
Ix:
FPG, Lipid profile, Cr, Na, K, Ca, TSH, UA
Tx:
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ได้แก่
- ลดน้ำหนัก มีเป้าหมายให้ BMI = 18.5-23 โดยอย่างน้อยให้ลดลง > 1 kg ซึ่งสามารถลด BP ลงได้ 1 mmHg ต่อ 1 kg
- เลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ คือ เน้นที่การรับประทานผัก ผลไม้ ข้าวกล้องหรือธัญพืชเป็นหลัก กินนมพร่องไขมัน ลดการกินเนื้อสัตว์ (ไขมันอิ่มตัว)
- กินเกลือน้อยกว่า 1500 มก./วัน โดยให้ลดเกลือลงอย่างน้อย 25% (1000 มก./วัน)
- กินอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เป้าหมาย 3500-5000 มก./วัน ซึ่งพบมากในผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืชต่างๆ; **ยกเว้น CKD หรืออใช้ยาที่ลดการขับโพแทสเซียมจากร่างกาย
- กิจกรรมทางกาย
- Aerobic exercise ให้ได้ 65-95% ของ heart rate reserve (HRR = HRmax - HRrest) x 90-150 นาทีต่อสัปดาห์
- Dynamic resistance ความหนัก 50-80% ของระดับสูงสุดที่ยกได้ 1 ครั้ง (1-rep max) x 10 ครั้ง x 3 ชุด x 6 รอบ x 3 วัน/สัปดาห์ (90-150 นาทีต่อสัปดาห์)
- Isometric resistance (hand grip) 30-40% ของระดับสูงสุดที่บีบได้ (maximum voluntary contraction) x 2 นาที/ข้าง x 4 รอบ (พัก 1 นาทีระหว่างรอบ) x 3 ครั้ง/สัปดาห์
- จำกัดปริมาณแอลกอฮอล์ (เฉพาะคนที่ดื่มอยู่แล้ว) ไม่เกิน 2 drinks/วันในผู้ชายและไม่เกิน 1 drinks/วันในผู้หญิง (1 drinks = 40% alcohol 44 mL, Beer (5%) 355 mL, wine (12%) 148 mL)
ยาลดความดันโลหิต แนะนำให้ยารักษา
(ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมข้างต้น)
ในรายที่
BP > 140/90 mmHg หรือ
BP เฉลี่ย
> 130/80 mmHg ร่วมกับมี
10-year atherosclerotic cardiovascular disease (ASCVD)
risk > 10%
- ถ้ารักษาโดยการใช้ยาให้ประเมินซ้ำทุก 1 เดือน จนกว่า BP จะได้ตามเป้าหมายจึงประเมินทุก 3-6 เดือน
- ถ้า BP 130-139/80-89 mmHg ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และประเมินซ้ำใน 3-6 เดือน
- ถ้า BP ปกติ ให้ประเมินซ้ำทุก 1 ปี
การเลือกยา
- ในคนทั่วไปจะเลือกใช้ยา thiazide, ACEI, ARB, หรือ CCB อย่างใดอย่างหนึ่งก่อนก็ได้ ถ้าเป็น stage 2 HT (> 140/90) แนะนำให้เริ่มยา 2 ชนิด
- พิจารณาโรคร่วมในการเลือกยา เช่น
- Stable ischemic heart disease ควรเลือกยากลุ่ม GDMT** beta-blocker, ACEI หรือ ARB ก่อน; **GDMT (guideline-directed medical Mx&Tx) ได้แก่ carvedilol, metoprolol, nadolol, bisoprolol, propranolol, timolol
- HFrEF แนะนำให้ ACEI หรือ ARB, และ beta-blocker; ไม่แนะนำให้ nondihydropyridines CCB
- HFpEF แนะนำให้ diuretic ในช่วงที่มี volume overload; หลังจากรักษา volume overload แนะนำให้ ACEI หรือ ARB, และ beta-blocker
- CKD stage 3 หรือ CKD + albuminuria > 300 mg/d แนะนำให้ ACEI หรือ ARB
- DM + albuminuria แนะนำให้ ACEI หรือ ARB
ข้อควรรู้ในการเลือกใช้ยา
- Thiazide-type diuretic ให้ติดตาม Na, K, uric acid, Ca และระวังถ้ามีโรค gout
- ACEI ไม่ให้ร่วมกับ ARB; เพิ่มความเสี่ยงต่อ hyperkalemia ใน CKD หรือใช้ K supplement หรือ K-sparing drugs; เสี่ยงต่อ ARF ในคนที่มี severe bilateral renal artery stenosis; หลีกเลี่ยงใน pregnancy และห้ามใช้ถ้ามีประวัติ ACEI induced angioedema
- CCB-dihydropyridines หลีกเลี่ยงใน HFrEF (แต่ amlodipine, felodipine ใช้ได้), สัมพันธ์กับ dose-related pedal edema
- CCB-nondihydropyridines (verapamil, diltiazem) หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับ beta-blocker และห้ามใช้ใน HFrEF
- Loop diuretic แนะนำใน symptomatic HF
- K-sparing diuretic (amiloride) มีผลต่อการลด BP น้อย; พิจารณาใช้ร่วมกับ thiazide ในคนที่มี hypokalemia; หลีกเลี่ยงใน GFR < 45
- Aldosterone antagonist (eplerenone) แนะนำใน primary aldosteronism และ resistant HT; หลีกเลี่ยง K-sparing diuretic, K-supplement และใน significant renal dysfunction
- Beta-blockers ไม่แนะนำเป็นยาขนานแรก ยกเว้นถ้ามี IHD หรือ HF (HFrEF แนะนำ bisoprolol, metoprolol, carvedilol); หลีกเลี่ยง noncardioselective (propanolol) ใน reactive airway disease
- Direct renin inhibitor (aliskiren) ระวังเช่นเดียวกับ ACEI, ARB
- Alpha-1 blockers (doxazosin) สัมพันธ์กับ orthostatic hypotension โดยเฉพาะในคนสูงอายุ; พิจารณาใช้ใน BPH
- Central alpha2-agonist (methyldopa) เลือกเป็นชนิดสุดท้ายเพราะมี significant CNS adverse effect โดยเฉพาะในคนสูงอายุ
- Direct vasodilators (hydralazine) ทำให้เกิด sodium และ water retention และ reflex tachycardia เพราะฉะนั้นจึงให้ร่วมกับ beta-blocker และ diuretic; hydralazine สัมพันธ์กับ drug-induced lupus-like syndrome ในขนาดสูง
เป้าหมาย
- BP < 130/80 mmHg โดยเฉพาะในคนที่ 10-y ASCVD risk > 10%
คำแนะนำสำหรับหญิงตั้งครรภ์
- แนะนำให้เปลี่ยนยาเป็น methyldopa, nifedipine, หรือ labetalol
- ไม่ควรใช้ยา ACEI, ARB, หรือ direct renin inhibitors
Resistant HT
- คือ HT ที่ต้องใช้ยา > 4 ชนิด หรือใช้ยา > 3 ชนิด (รวมถึง diuretic) แล้ว BP ยัง > 130/80 mmHg (โดยที่วิธีการวัด BP ถูกต้อง ผู้ป่วยกินยาอย่างสม่ำเสมอ และไม่ได้เป็นจาก white coat effect)
- ค้นหาและแก้ไขปัจจัยทางพฤติกรรม ได้แก่ ภาวะอ้วน กิจกรรมทางกายน้อย กินแอลกอฮอล์มาก กินเกลือมาก กินอาหารที่มีไฟเบอร์น้อย
- หยุดหรือลดยาที่อาจเป็นสาเหตุของ HT ได้แก่ NSAIDs, sympathomimetic, OCP, licorice, ephedra
- หาสาเหตุของ secondary HT เช่น primary aldosteronism, CKD, renal artery stenosis, pheochromocytoma, OSA
- ปรับยา ได้แก่ maximize diuretic therapy, + mineralocorticoid receptor antagonist, + ยาอื่นๆที่มีกลไกที่ต่างกัน; + loop diuretic ในผป. CKD และผป.ที่ได้ potent vasodilator (เช่น minoxidil)
- ส่งต่อ specialist ถ้าสงสัย secondary HT หรือยังควบคุม BP ไม่ได้ใน 6 เดือน
Hypertensive crises
- คือ SBP > 180 หรือ DBP > 120 ร่วมกับการมี target organ damage (new หรือ worsening)
- ถ้ามีภาวะ aortic dissection, severe preeclampsia, eclampsia, pheochromocytoma ให้ลด SBP ลง < 140 mmHg ภายในชั่วโมงแรก โดยเฉพาะ aortic dissection ให้ SBP < 120 mmHg
- ถ้าไม่มีภาวะข้างต้นให้ลด SBP ลง < 25% ในชั่วโมงแรก และถ้าอาการคงที่ให้ลดเหลือ 160/100 mmHg ภายใน 2-6 ชั่วโมง แล้วค่อยๆลดเป็นปกติใน 24-48 ชั่วโมง
IV
antihypertensive ได้แก่
|
คำแนะนำสำหรับผป.
HT ที่ต้องผ่าตัด (elective
major surgery)
- สามารถใช้ยา HT ต่อเนื่องจนถึงวันผ่าตัด โดยเฉพาะถ้าใช้ยา beta-blocker อยู่
- อาจพิจารณาหยุดยา ACEI, ARB
- ถ้า SBP > 180 หรือ DBP > 110 ควรพิจารณาเลื่อนการผ่าตัดออกไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น