Asthma
การวินิจฉัย
- มีประวัติอาการทางเดินหายใจ เช่น หายใจมีเสียงหวีด (wheeze) หอบเหนื่อย ไอ แน่นหน้าอก เปลี่ยนแปลงเป็นๆหายๆ มากบ้างน้อยบ้าง
- อาการมักเป็นตอนกลางคืนหรือเช้ามืด
- อาการมักโดนกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้ การหัวเราะ การออกกำลังกาย หรือ อากาศเย็น
- อาการมักเกิดร่วมกับหรือแย่ลงจากการติดเชื้อไวรัส
- ตรวจพบการเปลี่ยนแปลงของ expiratory airflow limitation
- ขณะที่ FEV1 ต่ำ ตรวจพบ FEV1/FVC ratio ลดลง (ปกติ FEV1/FVC ratio > 0.75-0.8 ในผู้ใหญ่และ > 0.9 ในเด็ก)
- มีการเปลี่ยนแปลงของ FEV1 เพิ่ม > 12 % หรือ 200 mL หลังได้รับยาขยายหลอดลม (bronchodilator reversibility) หรือหลังการรักษาด้วย anti-inflammatory treatment นาน 4 สัปดาห์
- มีการเปลี่ยนแปลงของ FEV1 ในแต่ละวันเฉลี่ย > 10 % (> 13% ในเด็ก)
**ถ้าเป็นไปได้ควรตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัย
asthma
ก่อนที่จะเริ่มการรักษาด้วย controller
เพราะการวินิจฉัยจะทำได้ยากขึ้นหลังเริ่มการรักษาไปแล้ว
การประเมินผู้ป่วย asthma
1. ประเมินการตอบสนองต่อการรักษา
2. ประเมินปัจจัยเสี่ยงต่อการจับหืดเฉียบพลัน
- Asthma ที่ควบคุมอาการไม่ได้
- มี severe exacerbation > 1 ครั้ง/12 เดือน
- เคยต้อง intubation หรือ intensive care จาก asthma
- ไม่ได้ใช้ ICS รวมถึงการใช้ไม่สม่ำเสมอ หรือการใช้ไม่ถูกวิธี
- ใช้ SABA บ่อย (> 1x200-dose canister/mouth)
- Low FEV1 โดยเฉพาะ < 60% predicted
- มี major psychological หรือ socioeconomic problems
- Smoking, allergen exposure
- มี comorbidity ได้แก่ obesity, rhinosinusitis, confirmed food allergy
- Sputum หรือ blood eosinophilia; elevated FENO ใน allergic adults
- Pregnancy
3. ประเมิน
lung function ก่อนเริ่มการรักษา
ที่ 3-6 เดือน และเป็นระยะๆ
(อย่างน้อยทุก 1-2
ปี)
4. ประเมินประเด็นในการรักษาอื่นๆ
เช่น ระดับขั้นของการรักษา (ดูด้านล่าง)
ผลข้างเคียง วิธีการใช้ถูกต้องหรือไม่ ใช้สม่ำเสมอหรือไม่ ทบทวน asthma action plan สอบถามทัศนคติและเป้าหมายการรักษา
5. ประเมินโรคร่วมอื่นๆ
เช่น rhinitis, rhinosinusitis,
GERD, OSA, depression, anxiety
การรักษาเบื้องต้น
- แนะนำให้หยุดหรือหลีกเลี่ยงควันบุหรี่
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แนะนำวิธีการจัดการ exercise-induced bronchoconstriction
- ถามประวัติการทำงาน (occupational asthma) ในรายที่เป็น adult-onset asthma
- ก่อนให้ NSAIDs หรือ aspirin ให้ถามประวัติ asthma ก่อนเสมอ
- โรคร่วมอื่นๆ เช่น obesity แนะนำให้ลดน้ำหนัก; รักษา chronic rhinosinusitis หรือ GERD แต่ไม่ช่วยในการควบคุมอาการของ asthma
- **การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ (เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ สปอร์เชื้อรา เกสรหญ้า) พบว่ายังไม่มีวิธีที่ได้ผล และสิ่งกระตุ้นอื่นๆ (การออกกำลังกาย การหัวเราะ) ไม่แนะนำให้หลีกเลี่ยง
การรักษา
- ขั้นที่ 1-2: Low-dose
ICS/formoterol as needed (budesonide 200-400
mcg/d) 1-2 inhalations เมื่อมีอาการ (หรือ SABA ร่วมกับ ICS พ่นโดสต่ำเป็นครั้งคราว)
- ขั้นที่ 3: Low-dose ICS/formoterol ถ้ามีอาการทุกวัน ตื่นกลางคืน > 1 ครั้ง/สัปดาห์ และ FEV1 60-80%
- ขั้นที่ 4: Medium-dose ICS/formoterol
(budesonide 400-800 mcg/d) จำกัดกิจวัตรประจำวัน ตื่นทุกคืน หรือ FEV1
< 60% ; **สามารถเปลี่ยนจาก LABA เป็น LAMA
(tiotropium) หรือ LTRA ใน step 3-4 หรือเพิ่มเติมในรายที่ยังคุมได้ไม่ดี
- ขั้นที่ 5: ส่งพบแพทย์เฉพาะทาง
เพิ่มยา เช่น tiotropium, anti-IgE (omlizumab), anti-IL5 (SC mepolizumab,
IV reslizumab)
ตัวอย่างยา ICS + LABA (MDI ยากด; ถ้าไม่ใช่ MDI คือยาสูด)
- Budesonide +
Formoterol (Symbricort turbuhaler) 160/4.5, 320/9 พ่น เช้า-เย็น
- Fluticasone +
Salmeterol (Seretide evohaler MDI) 25/125, 25/250 (Seretide Accuhaler) 50/100,
50/500
Nocturnal
asthma
Exercise-induced
bronchoconstriction
|
การติดตามอาการและการปรับยา
- ติดตามอาการ 1-3 เดือนหลังเริ่มการรักษา หลังจากนั้นทุก 3-12 เดือน ยกเว้นช่วงตั้งครรภ์ควรติดตามอาการทุก 4-6 สัปดาห์ และภายใน 1 สัปดาห์หลังมี exacerbation
- การปรับยาขึ้น
- ปรับเพิ่มยาขึ้น (หลังใช้ controller 2-3 เดือน) ถ้ายังมีอาการหรือมีการจับหืดเฉียบพลัน โดยพิจารณาปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย เช่น การใช้ยาไม่ถูกต้องหรือใช้ยาไม่สม่ำเสมอ ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่แก้ไขได้ เช่น ควันบุหรี่ หรือมีอาการจากโรคร่วม เช่น allergic rhinitis
- ปรับเพิ่มยาชั่วคราว (1-2 สัปดาห์) เช่น ช่วงที่มี viral infection หรือ allergen exposure
- การปรับยาลงที่ 3 เดือนเมื่อควบคุมอาการได้โดยปรับขนาด steroid ลงทีละ 25-50% ทุก 2-3 เดือนจนถึงขนาดต่ำแล้วจึงลองหยุดยาอื่นๆทีละตัว จนกระทั่งเหลือ low-dose ICS อย่างเดียว
- ผู้ป่วยรายใหม่ที่มีอาการแบบ persistent ให้เริ่มที่ขั้นที่ 2
Ref:
Tintinalli Emergency Medicine 7thed, แนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคหืด V.5 พ.ศ. 2555,
GINA 2017, Up-To-Date