Approach to
chest pain, NSTE-ACS
ตรวจร่างกาย
ประเมิน risk score
นิยาม
- Acute MI = positive hs-Tn
+ (ischemic symptoms หรือ new ST-T
change/LBBB หรือ pathological Q wave หรือ positive finding จาก imaging หรือ angiography)
- MI แบ่งเป็น type 1 MI คือ เกิดจาก intramural thrombus ซึ่งเป็นผลจาก atherosclerotic plaque rupture, ulceration, fissure, erosion, หรือ dissection เป็นต้น และ type 2 MI คือ เกิดจาก oxygen supply และ demand ไม่สมดุลกัน เช่น coronary spasm, arrhythmias, anemia, hypoxia, หรือ hypotension เป็นต้น
- Unstable angina คือ มี myocardial ischemia แต่ไม่มี myocardial
necrosis ซึ่งพบภาวะนี้น้อยลงจากการที่มี high-sensitivity
cardiac troponin (hs-Tn) ในกลุ่มนี้จะมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า NSTEMI และได้ประโยชน์น้อยกว่าจากการรักษาด้วย intensifies antiplatelet therapy หรือ early invasive strategy
Triage
- ผู้ป่วยที่สงสัย ACS (visceral-type chest pain, abnormal vital signs, significant
vascular disease risks, dysnea) เข้าสู่ ER
- ประเมินโดยการซักประวัติ
ตรวจร่ากายเฉพาะในส่วนที่สำคัญและทำ 12-lead ECG ภายใน 10 นาที (Door to
Data) ค้นหาและรักษา life-threatening conditions
ซักประวัติ
- ลักษณะอาการปวด และอาการร่วม: location, distribution, radiation, quality, onset,
duration, frequency, precipitating & relieving factors
- Typical chest pain จะมีอาการแน่นกลางอก เหมือนมีอะไรมาทับ ปวดร้าวไปแขนซ้าย (แขนขวา หรือ สองแขน ก็พบได้) คอ กราม อาจปวดเป็นพักๆ (มักนานหลายนาที) หรือปวดตลอด และอาจมีอาการร่วม เช่น เหงื่อแตก คลื่นไส้ เหนื่อย หน้ามืด เป็นลม เป็นต้น
- Atypical chest pain เช่น ปวดลิ้นปี่ ปวดท้องเหมือนอาหารไม่ย่อย หรือมีแต่อาการเหนื่อย ซึ่งมักพบเป็นอาการนำในกลุ่มคนสูงอายุ ผู้หญิง เบาหวาน สมองเสื่อม ไตวายเรื้อรัง
- ถ้าอาการถูกกระตุ้นจากการออกกำลังและดีขึ้นเมื่อพักจะช่วยสนับสนุนว่าเป็น
myocardial ischemia แต่อาการที่ดีขึ้นจากการใช้ nitrate ไม่จำเพาะกับ angina pain
- ประวัติเสี่ยงต่อ ACS เช่น คนสูงอายุ ผู้ชาย เบาหวาน ไขมัน ความดัน
ไตเสื่อม ประวัติ CAD, PAD, หรือ carotid artery disease และ ประวัติครอบครัวเป็น CAD
- ภาวะที่กระตุ้นให้เกิด AMI เช่น anemia,
infection, inflammation, fever, metabolic, หรือ endocrine (โดยเฉพาะ thyroid)
disorders
- ใน NSTE-ACS มักตรวจไม่พบความผิดปกติชัดเจน
สิ่งที่อาจตรวจพบ เช่น systolic murmur (ischemic mitral
regurgitation), signs of heart failure, electrical instability
- อาจตรวจพบสาเหตุของ chest pain อื่นๆจากการตรวจร่างกาย เช่น
- CVS: aortic dissection, pericarditis, pericardial
tamponade, mitral valve prolapse, aortic stenosis
- RS: pulmonary embolism, pneumothorax, pneumonia,
pleurisy
- GI: esophageal rupture (Boerhaave’s syndrome),
dyspepsia with reflux, cholecystitis, pancreatitis
- Chest wall pain syndrome: costosternal
syndrome, costochondritis (Tietze’s syndrome), precordial catch syndrome,
xiphodynia, radicular syndromes, intercostal nerve syndromes, fibromyalgia
- อาจตรวจพบภาวะที่กระตุ้นให้เกิด AMI เช่น anemia, thyrotoxicosis (sweating, tremor)
- การตรวจพบจุดกดเจ็บที่หน้าอกมี NPV ต่อ NSTE-ACS สูง
Investigations
- CBC, Cr, glucose; INR ในรายที่ on VKA
- ECG:
- ใน NSTE-ACS พบความผิดปกติจาก
12-lead ECG ได้ประมาณ 2/3 ได้แก่ ST depression, transient ST elevation, T-wave changes
- ถ้า 12-lead ECG ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้และยังมีอาการของ ongoing myocardial ischemia ให้พิจารณาทำ V7-V9 (left circumflex) และ V3R, V4R (right ventricle) เพิ่มเติม
- High sensitive-cardiac Troponin
- ภาวะนอกเหนือจาก
AMI ที่ทำให้ hs-Tn เพิ่มขึ้น
ที่พบบ่อย ได้แก่ tachyarrhythmia, heart failure, hypertensive
emergencies, critical illness (เช่น shock,
sepsis, burns), myocarditis, Tako-Tsubo cardiomyopathy, structural heart
disease (เช่น aortic stenosis), aortic dissection, pulmonary
embolism, pulmonary HT, renal dysfunction
- ต้องนึกถึงโรคอื่นที่มาด้วยอาการ chest pain และมี troponin เพิ่มขึ้น เช่น
aortic dissection, pulmonary embolism
- Others biomarker เช่น CK-MB มีบทบาทในการวินิจฉัย early
reinfraction เพราะ ระดับของ CK-MB ลดลงก่อน cardiac troponin; copeptin ใช้ในที่ที่ไม่มี
hs-Tn ในการ early
rule-out MI
- Imaging
- CXR แนะนำให้ทำทุกราย เพื่อช่วยวินิจฉัย pneumonia, CHF, esophageal rupture, pneumothorax
- Echocardiography ช่วยวินิจฉัย AMI, aortic dissection, pericardial effusion, aortic valve
stenosis, pulmonary embolism
- MDCT ช่วยในการวินิจฉัย
CAD (ดู algorithm ด้านล่าง), pulmonary embolism, aortic dissection, tension pneumothorax,
esophageal rupture
- อื่นๆ เช่น stress
echocardiography, cardiac MRI, nuclear myocardial perfusion, US abdomen
“Rule-in” และ “rule-out” algorithms
- The 0 h/1 h algorithm ดูรูปด้านล่าง
- ถ้าผู้ป่วยมาเร็ว (ภายใน 1 ชั่วโมง) การตรวจ cardiac Tn ครั้งที่สองควรทำที่ 3 ชั่วโมง
- มีกลุ่มที่ cardiac Tn ขึ้นช้าประมาณ 1% ถ้ายังสงสัยมากหรือมีอาการซ้ำควรทำ serial test อีก
- กลุ่มที่ยัง R/I และ R/O ไม่ได้ ต้องตรวจเพิ่มเติม เช่น ถ้ามาเร็วให้ตรวจ cardiac Tn ที่ 3 ชั่วโมง ในรายที่สงสัย NSTE-ACS มากควรพิจารณาทำ coronary angiography ส่วนในรายที่สงสัยน้อย-ปานกลาง อาจทำ CT coronary angiography
- The 0 h/3 h algorithm
- ค่า ULN ของ hs-TnI คือ 26 ng/L (ถ้าแยกเพศเป็นผู้หญิง 16 ng/L และผู้ชาย 34 ng/L ) และ hs-TnT คือ 14 ng/L
- Rule-in เมื่อค่าของ hs-TnT (Elecsys) หรือ hs-TnI (Architect) > 52 ng/L
- Rule-in (ที่มา JW Pickering 2016) เมื่อ retest อีก 3 ชั่วโมงแล้วพบว่า hs-Tn > ULN ร่วมกับ
- delta change เพิ่ม > 20% ในกรณีที่ผล hs-Tn ครั้งแรก > ULN หรือ
- delta change เพิ่ม > 50% ของค่า ULN (คือ hs-TnI เพิ่ม > 13 ng/L และ hs-TnT เพิ่ม > 7 ng/L) ในกรณีที่ผล hs-Tn ครั้งแรก < ULN
- Rule-in (ที่มา Asia-pacific consensus 2017) เมื่อ retest อีก 3 ชั่วโมงแล้วค่า hs-TnI > ULN + delta change เพิ่มขึ้น > 50%
ประเมิน risk score
- Ischemic risk เพื่อประเมินพยากรณ์โรค
แนะนำให้ใช้ GRACE 2.0 risk calculation
- Bleeding risk ในรายที่ต้องทำ
coronary angiography แนะนำให้ใช้ CRUSADE score
การรักษา NSTE-ACS
- ECG monitoring แนะนำให้ติด defibrillator patch ในรายที่มี ongoing
ischemia ระหว่างรอทำ urgent revascularization
- O2 supplement เฉพาะในรายที่ O2 saturation < 90% หรือมี respiratory distress
- Nitrate ให้ในรายที่ยังมี
ongoing chest pain, hypertension, heart failure ให้ในรูป IV drip จะมีประสิทธิภาพมากกว่า sublingual ให้เพิ่ม dose จนกระทั่งไม่มีอาการ และ BP กลับมาเป็นปกติ; ห้ามให้ในรายที่ได้ sildenafil หรือ vardenafil มาภายใน 24 ชม.หรือ tadalafil มาภายใน 48 ชม.
- β-blocker แนะนำให้ในรายที่ยังมี ongoing ischemia เช่น metoprolol 25-50 mg PO; ข้อห้าม ได้แก่ อายุ > 70 ปี, SBP < 120, HR > 110, severe LV dysfunction, bradycardia, heart block, PR interval > 0.24s, reactive airway disease
- ยังไม่จำเป็นต้องรีบให้ถ้ายังไม่ทราบ ventricular function และไม่ควรให้ถ้าสงสัยสาเหตุจาก coronary vasospasm หรือ cocaine use (พิจารณาให้ CCB, nitrate แทน)
- Morphine sulfate 1-5 mg IV/SC
ในรายที่ยังมี ischemic symptoms หลังให้ nitrate และ beta-blocker
- Aspirin loading dose
150-300 mg (aspirin-naive) then 75-100 mg PO OD
- P2Y12 inhibitor ให้เสริมจาก aspirin นาน 12 เดือน ถ้าไม่มีข้อห้าม
- Ticargrelor (180 mg
loading dose then 90 mg PO BID) แนะนำให้ใช้ตัวนี้ใน moderate-high
risk (elevated Tn); ข้อห้าม คือ Hx ICH,
ongoing bleeding
- Presugrel (60 mg loading dose then 10 mg OD) แนะนำถ้าจะไปทำ
PCI; ข้อห้าม คือ Hx ICH, stroke/TIA, ongoing bleeding; ไม่แนะนำในคนอายุ
> 75 ปี หรือ น้ำหนัก < 60 กก.
- Clopidogrel (300-600 mg loading dose then 75 mg
OD) ในรายที่ให้สองตัวแรกไม่ได้ หรือต้องใช้ oral anticoagulant
- PPI ให้ร่วมกับ DAPT ในรายที่มีความเสี่ยงต่อ GIB (Hx
GIB/ulcer, anticoagulant Tx, chronic NSAID/corticosteroid, หรือมี > 2 ข้อของ อายุ > 65 ปี, dyspepsia, GERD, H. pylori infection, chronic alcohol use)
- Anticoagulant ให้เมื่อวินิจฉัยได้และหยุดหลังทำ
PCI (ในรายที่ high ischemic risk + low bleeding risk อาจให้ rivaroxaban ต่อหลังหยุด parenteral
anticoagulant นาน 1 ปี)
- Fondaparinux 2.5 mg SC OD
(ไม่แนะนำถ้า GFR < 20) แนะนำให้ใช้ตัวนี้
เพราะ เป็นตัวที่มี efficacy-safety profile ดีที่สุดเมื่อเทียบกับตัวอื่นๆ
(เมื่อไปทำ PCI ต้องให้ UFH bolus เพิ่มระหว่างทำ
PCI)
- Bivalirudin ใช้ระหว่างทำ
PCI สามารถเลือกใช้แทน UFH + GPIIb/IIIa inhibitors
- UFH +/- GPIIb/IIIa ในรายที่จะไปทำ PCI ที่ยังไม่ได้ anticoagulant ตัวอื่น
- Enoxaparin 1 mg/kg SC q 12 h (ถ้า GFR < 30 ให้ OD dose; ห้ามให้ถ้า GFE < 15) ในที่ที่ไม่มี fondaparinux ให้ใช้
Disposition
- ช่วงเวลาที่แนะนำในการทำ revascularization ขึ้นอยู่กับ risk ดังรูปด้านล่าง
- Unstable angina สามารถ admit ใน regular ward หรือ D/C และนัด F/U เพื่อทำ stress
echocardiography
- NSTEMI ให้ admit CCU + ECG monitoring
- < 24 ชั่วโมง ใน low risk
- > 24 ชั่วโมง ใน intermediate-high risk ได้แก่ hemodynamic unstable, major arrhythmias, LVEF < 40%, failed reperfusion, critical major coronary stenosis หรือ complication จากการ percutaneous revascularization
Ref: ESC 2015, Tintinalli
ed 8th
อยากให้อาจารย์กล่าวถึง Atypical chest pain เนื่องจากบางโรงพยาบาลยังใช้คำนี้อยู่ครับ
ตอบลบอยากให้อาจารย์กล่าวถึง Atypical chest pain เนื่องจากบางโรงพยาบาลยังใช้คำนี้อยู่ครับ
ตอบลบgread job
ตอบลบ