Chemical burn ดูเรื่อง
chemical
disaster เพิ่มเติม
หลักการทั่วไป
- Personal protective equipment: ให้บุคลากรป้องกันตนเองจากการปนเปื้อน ให้เหมาะสมกับประเภทของสารเคมี อย่างน้อยให้ใส่ mask, face shield, chemical-resistant gown, gloves, water-impervious boot
- Gross decontamination: สิ่งสำคัญคือทำให้เร็วที่สุด ถ้าสารเคมีเป็นผงให้ปัดออกไปก่อน แล้วล้างด้วยน้ำหรือ saline ตั้งแต่ในที่เกิดเหตุ เปิดให้น้ำไหลต่อเนื่อง ทำ debridement และ irrigation จนกระทั่ง pH ปกติ; ยกเว้นพวก elements metals (sodium, lithium, potassium, magnesium, aluminum, calcium) ที่จะทำปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำ ให้ใช้ mineral oil ราดปิดไว้ หรือ excise ออก
Acid burns (strong
acid ถ้า pH < 2): ทำให้เกิด coagulation
necrosis ทำให้เกิดเป็น leathery eschar ซึ่งปกติจะยับยั้งการซึมลึกลงไปในผิวหนังชั้นลึกได้
สารเคมีหลายชนิดทำให้เกิด systemic toxicity เช่น acidosis,
hypotension, hyperkalemia, renal failure, liver failure, hemolysis, dysrhythmia
และ shock ได้
- Acetic acid (กรดน้ำส้ม) พบในน้ำยายืดผม (< 40%) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยในการบาดเจ็บของหนังศีรษะ; Tx: copious irrigation, ให้ PO ATB ถ้ามีแผล
- Carbolic acid (phenol) พบในอุตสาหกรรมหลายอย่าง (พลาสติก น้ำยาฆ่าเชื้อ) ทำให้เกิด chemical burn ที่ไม่ค่อยปวดมาก จะเป็นก้อนหนาสีขาวหรือน้ำตาล จะมีกลิ่นฉุน ซึ่ง systemic absorption อาจทำให้เกิด cardiac dysrhythmia หรือ seizure; Decontamination โดยการล้างด้วยน้ำอย่างเดียวมักไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เพราะ necrotic coagulum ที่มี phenol อยู่จะป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปได้ ให้ล้างด้วย polyethylene glycol (molecular weight 200-400) หรือล้างด้วย isopropyl alcohol (5-10 นาที)
- Chromic acid ทำให้เกิด chronic penetrating ulceration ที่ผิวหนัง เกิดตาอักเสบ น้ำตาไหล แผลที่ nasal septum ซึ่งเมื่อโดน 1-2% ของ BSA จะทำให้เกิด systemic toxicity คือ liver-, renal failure, GIB, coagulopathy, CNS disturbances ถ้าโดน > 10% ของ BSA อาจจะเสียชีวิต; Decontamination ให้ล้างด้วยน้ำมากๆ วิธีที่ดีที่สุดคือทำ aggressive excision เพราะการ absorption อาจเกิดขึ้นต่อเนื่องหลังจากการทำ irrigation
- Formic acid ทำให้เกิด coagulation necrosis และ systemic effects ได้แก่ decrease respiration, anion gap metabolic acidosis, hemolysis; Decontamination ให้ล้างด้วยน้ำมากๆ ส่วน systemic toxicity อาจต้องให้ NaHCO3 IV แก้ metabolic acidosis และทำ exchange transfusion ในรายที่มี severe hemolysis
- Hydrochloric acid (กรดเกลือ), sulfuric acid (กรดกำมะถัน) ทำให้ผิวหนังกลายเป็นสีดำหรือน้ำตาลเข้ม รักษาเช่นเดียวกับ formic acid burn
- Hydrofluoric acid (กรดกัดแก้ว) สามารถซึมได้ลึกต่างจากกรดชนิดอื่น นอกจากจะบาดเจ็บจาก H+แล้วยังมี F- ที่ไปแย่ง Ca2+ และ Mg2+ ออกมาจากในเซลล์ หยุดการทำงานของ Na/K ATPase ทำให้เกิด hypocalcemia, hypomagnesemia และ hyperkalemia และ F- ยังไปกระตุ้นให้เกิด depolarization ของ nerve tissue ทำให้มีอาการ severe persistent pain ผิวหนังมักจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเทา ซึ่งขึ้นกับความเข้มข้น เช่น ถ้า > 50% จะเกิดอาการทันที หรือ ถ้า < 20% อาจไม่มีอาการผิดปกติจนกระทั่งหลัง 12-24 ชั่วโมง; Decontamination ให้ล้างด้วยน้ำมากๆ 15–30 นาที ถ้ายังปวดมากให้ทา calcium gluconate gel (ผสม 10% calcium gluconate 25 mL กับ water-soluble lubricant 75 mL) ลงบนผิวหนังเยอะๆ ในรายที่ severe burn ให้ทำ intradermal หรือ intra-arterial injection ดังนี้
- 10% calcium gluconate Intradermal 0.5 mL/cm2 จะหายปวดทันที
- Intra-arterial infusion ควรทำภายใน 6 ชั่วโมง เพื่อป้องกัน tissue necrosis ผสม 5%DW 40 mL กับ 10% calcium gluconate 10 mL ให้ intra-arterial drip 4 h ให้ซ้ำได้ ถ้าอาการปวดกลับมาภายใน 4 ชั่วโมง
- ในรายที่สงสัย Inhalation ให้ 10% calcium gluconate 1.5 mL + NSS 4.5 mL NB
- Ocular exposure ให้ล้างด้วยน้ำ > 30 นาที และปรึกษา ophthalmologist
- ในรายที่โดน HF มากๆ ให้ IV Ca และ IV Mg ทันที (slow IV rate) โดยไม่ต้องรอผลเลือด ให้ทำ ECG monitoring (เสี่ยงต่อ VF), electrolyte monitoring (เสี่ยงต่อ acidosis, hyperkalemia, hypomagnesemia, hypocalcemia)
- Methacrylic acid พบในน้ำยาต่อเล็บเทียม มักเกิดอันตรายกับเด็กก่อนวัยเรียน; Decontamination ให้ล้างด้วยน้ำมากๆ
- Nitric acid เมื่อโดนจะทำให้ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเหลือง; Decontamination ให้ล้างด้วยน้ำมากๆ
- Oxalic acid จะจับกับ Ca ยังยั้ง muscle contraction; Decontamination ให้ล้างด้วยน้ำมากๆ อาจให้ IV Ca, monitor ECG, ตรวจ Cr, electrolytes
Alkali burns (strong
alkali ถ้า pH > 12): ทำให้เกิด liquefaction
necrosis และ saponification ของ lipids
ทำให้สามารถซึมเข้าไปในผิวหนังได้ลึกและนาน มี systemic
toxicity มากกว่า แผลจะดูนิ่มยุ่ยเป็นวุ้น
- Lyes (น้ำด่าง) ได้แก่ ammonium -, barium -, calcium -, lithium -, potassium - (ด่างคลี), sodium - (โซดาไฟ) hydroxide; Decontamination ให้ล้างด้วยน้ำมากๆต่อเนื่องเป็นเวลานาน (อาจหลายชั่วโมง)
- Lime หรือ calcium oxide (ปูนขาว) เมื่อสัมผัสถูกจะดูดน้ำออกจากผิวหนัง เป็น Ca(OH)2 และเกิดปฏิกิริยาการคายความร้อน; Decontamination ให้ปัดผงปูนขาวออกก่อน แล้วล้างด้วยน้ำมากๆไหลเร็วๆ เพื่อลดความร้อนที่เกิดขึ้น
- Portland cement (ปูนซีเมนต์) จะมีส่วนประกอบของ metal oxides (CaO, K2O, Na2O) เมื่อโดนน้ำจะกลายเป็น – hydroxides เกิดเป็น cement burn บางรายอาจเกิด contact dermatitis จาก chromate ที่เป็นส่วนประกอบ; Decontamination ใช้แปรงขัดเศษที่ฝังอยู่ในผิวหนังออก
Metals
- Elements metals (sodium, lithium, potassium, magnesium, aluminum, calcium) จะทำปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำ เมื่อสัมผัสกับอากาศอาจติดไฟได้เอง; Decontamination ใช้ class D fire extinguisher หรือกลบด้วยทราย หรือใช้ mineral oil ราดปิดไว้ แล้วเช็ดออก และทำ wound debridement ในส่วนที่เช็ดไม่ออก
Hydrocarbons
- Gasoline (น้ำมับเบนซิน) ทำให้เกิด defatting dermatitis ลักษณะของ chemical burn เหมือนกับน้ำร้อนลวก เมื่อดูดซึมจะมี systemic effects ได้แก่ neurologic, pulmonary, cardiovascular, GI, hepatic injuries; Decontamination เอาเสื้อผ้าที่เปื้อนออก ล้างด้วยสบู่และน้ำ รักษาเหมือนกับ thermal burn
- Hot tar (น้ำมันดิน) เกิดอันตรายจากความร้อน เมื่อติดกับผิวหนังจะเอาออกได้ยาก ให้ใช้ polyoxylene sorbitan (polysorbate) ที่มักผสมใน ATB ointment, น้ำยาขจัดคราบน้ำมัน, น้ำมะนาว หรือ baby oil จะช่วยละลายน้ำมันดินให้หลุดออกมาได้
Vesicants ได้แก่
dimethyl
sulfoxide (DMSO), cantharides (ด้วงก้นกระดก), mustard gas
- ทำให้เกิด skin burn บวม เป็นตุ่มพอง; Decontamination ล้างด้วยน้ำมากๆ หรืออาจใช้พวก adsorbent powders (flour, talcum powder, fuller's earth) แล้วใช้ moist towel เช็ดออก; sulfur mustard มีการใช้เป็นอาวุธเคมี ซึ่งในทางทหารจะใช้ M258A1 skin decontamination kit หรือใช้ povidone iodine
Potassium permanganate
(ด่างทับทิม)
- ถ้าอยู่ในรูปสารละลายเข้มข้น จะทำให้เกิดแผลไหม้หนาสีน้ำตาลม่วง; Decontamination ล้างด้วยน้ำมากๆ
Alkyl mercury compounds
- บริเวณที่โดนจะแดงมีตุ่มพองขึ้น ให้เอา blister ออกเพราะภายในจะมี mercury อยู่ แล้วล้างด้วยน้ำมากๆ ในรายที่โดนบ่อยๆหรือนานอาจทำให้เกิด systemic mercury toxicity ได้
Lacrimators
(แก๊สน้ำตา): 2-chloroacetophenone, o-chlorobenzylidene
malonitrile, oleoresin capsicum (สเปรย์พริกไทย)
- ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อผิวหนังเล็กน้อย แต่สามารถทำให้เกิด corneal damage ได้; Decontamination ให้ล้างตาด้วยน้ำมากๆ ตรวจ slit-lamp และนัด ophthalmologist ใน 24 ชั่วโมง ส่วน inhalation injuries ให้ O2 support และ bronchodilator
White phosphorus
- ใช้ในการทำระเบิด ดอกไม้ไฟ ปุ๋ย สามารถติดไฟได้เองเมื่อสัมผัสกับอากาศ และจะไหม้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะ oxidized หมด เมื่อโดนอาจฝังเข้าไปใต้ผิวหนัง; Decontamination ถอดเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนออก ล้างด้วยน้ำมากๆ ให้ผิวหนังเปียกอยู่ตลอดจนกว่าจะ debride ออกจนหมด สามารถตรวจดูโดยการใช้ Wood’s lamp แผลจะหายช้า เมื่อดูดซึมจะเกิด systemic toxicity ได้แก่ hypocalcemia, hyperkalemia, hepatic-, renal injury ได้ แม้ว่าแผลขนาดเล็กก็ควรส่งตัวไป burn center เพื่อให้ aggressive hydration และ monitoring
Airbag burns
- Airbag พองลมจากการคายความร้อนของปฏิกิริยาของ sodium azide และ cupric oxide จะเกิดแก็สอื่นๆขึ้น ได้แก่ NaOH, NH3, NO หลังจากนั้น airbag จะยุบลงภายใน 2 วินาที การบาดเจ็บสามารถเกิดจากการเสียดสี จากความร้อนที่เกิดขึ้น หรือจาก chemical burn ซึ่ง NaOH สามารถทำให้เกิด chemical keratitis ได้; Decontamination ให้ล้างด้วยน้ำมากๆ
Ocular burns
- Acid จะทำให้กระจกตาขุ่น (ground glass) แต่จะไม่ซึมลึก ยกเว้นว่าสารมีความเข้มข้นสูง หรือเป็น hydrofluoric acid; ส่วน alkali สามารถซึมทะลุผ่าน cornea, anterior chamber และ retina ทำให้ตาบอดสนิทได้
- การรักษาให้ล้างตาด้วยน้ำมากๆทันทีอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 1-2 L สำหรับตาแต่ละข้าง x 30 นาที รวมถึงเช็ดเปลือกตาด้านใน ถ้าเป็น strong alkali หรือ hydrofluoric acid burn ให้ล้างจนกว่า pH = 7.4 ไป 2-3 ชั่วโมง บางครั้งอาจต้องล้างนาน > 24 ชั่วโมง
Ref: Tintinalli ed8th
My name is Ivan and I have just had the worst years of my life, but now I hope I’m looking at a much
ตอบลบbrighter future. This is my story of how my life changed for the worst and how I had to overcome the ignorance of
certain sections of the medical profession. I had to board a plane not once but twice while semi paralysed and fly to
Germany to have the relevant tests done that would prove to all once and for all that I had Lyme/Borreliosis, because
In my own country doctors refused to accept the word of one of their colleagues. The medical profession refused to
consider that I could be suffering from Lyme Disease/Borreliosis even though one of their own had dared to suggest it.
I was watching TV in bed till about 10:30am when I noticed what seemed like the vertical hold slipping and the picture
on the TV going funny for a second. I thought nothing of it at the time and got out of bed and went to make a cup of
tea. Whilst the kettle was on I ran a bath, I was going to clean myself up and go to work to see everyone, because it
was a loss for all the people at work as well as our family. While in the bathroom I felt the floor move just for a
second. I went downstairs thinking that it was odd but nothing more. I made my cup of tea and went up the stairs to
have a good soak in the bath. While drinking my tea and walking up the stairs it happened again, the floor seemed to
move making me take a seat on the stairs, again it soon passed. And I carried on toward the bathroom when my
phone rang in the bedroom - it was work. This was when I noticed that I was slurring on the phone. I hung up and
went to the bathroom to look at myself in the mirror. I looked ok and was feeling ok.
Whatever it was I still didn’t feel it was anything too serious. I got into the bath and then it all started I couldn’t stand.
I felt like gravity was getting it’s own back for all the years I had taken it for granted. I was now fighting to keep my
head above the water while I tried to take the plug out with my left foot as the right one had lost all coordination.
I managed to slide out of the bath, how long it took is all a blur now that I look back. Now I was convinced I was
dying. My children were at school and my wife had gone to see friends, I was alone and scared, my face was numb
down the one side, what was happening to me? Then after what seemed a lifetime but I’m sure was only a few
minutes it started to fade, I managed to drag myself to the bedroom naked and soaked.
Then I got introduce to Dr Itua Herbal Medicine by a friend of mine at work when he sees how I was battling with the disease, He gave me Dr Itua contact so I contacted him on whatsapp then I explain to him on how I was diagnosis of lyme disease so he assure me that he will cure me with his herbal medicine which I will drink for three weeks to cure so I make a purchase with the herbal medicine through moneygram money transfer so faithful of him he deliver me the herbal medicine so he instructed me on how to drink it which I did and hopefully like he promised me the herbal medicine cured me and today I'm now a free person and I thank my dear friend who introduce Dr Itua to my life.
You can contact Dr Itua On Email or whatsapp .... . drituaherbalcenter@gmail.com / Whatsapp ... +2348149277967 if you are suffering from the below disease written because he promised me that he can cure the following diseases......Herpes,Prostate Breast Cancer,Brain Cancer,CEREBRAL VASCULAR ACCIDENT,Endometrial Cancer, cerebrovascular diseases,Hepatitis,Glaucoma,Cataracts,Macular degeneration,Cardiovascular disease,Lung disease.Enlarged prostate,Osteoporosis.Alzheimer's disease,
Dementia.Tach Disease,HIV,Arthritis,Amyotrophic Fibromyalgia,
Cervical Cancer,Colo-rectal Cancer,Blood Cancer
SYPHILIS,Diabetes,Liver / Inflammatory kidney,Epilepsy,Shingles,H.P.V TYPE 1 TYPE 2 TYPE 3 AND TYPE 4. TYPE 5.
Lung Cancer, Leukemia Lymphoma Cancer,
Lung Mesothelioma Asbestos,
Ovarian Cervical Uterine Cancer,
Skin Cancer, Brain Tumor.