วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ภาวะฝูงชน (Mass gathering)

Mass gathering (ภาวะฝูงชน)

คือการรวมตัวกันของคนจำนวนมากกว่าปกติ (> 1,000 คน) มาทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ในสถานที่และในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ยังอาจประยุกต์ถึงสถานการณ์ที่คนมารวมกันอย่างหนาแน่นในพื้นที่จำกัดซึ่งจะเข้าไปให้การช่วยเหลือได้ยากลำบาก
ยกตัวอย่างเช่น งานชุมนุมทางการเมือง/ศาสนา การแข่งขันกีฬาระดับชาติ/นานาชาติ คอนเสิร์ต เป็นต้น

ส่วนประกอบของแผนปฏิบัติการทางการแพทย์ (Medical action plan)

1.   หัวหน้าฝ่ายการแพทย์ (medical director)
เริ่มจากการระบุว่าจะให้ใครเป็นหัวหน้าในการกำกับดูแลทางการแพทย์ (medical oversight) ซึ่งควรที่จะเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉิน และมีประสบการณ์ในการกำกับงานบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (EMS) มีทักษะในการดูแลผู้ป่วยภายนอกโรงพยาบาล มีความระแวดระวังสภาพแวดล้อม โดยหัวหน้าฝ่ายการแพทย์จะเป็นคนทำแผนปฏิบัติการทางการแพทย์ รวมถึงเขียนระเบียบการปฏิบัติดูแลรักษาให้เจ้าหน้าที่การแพทย์ที่ปฏิบัติงานด้วย ซึ่งควรที่จะสอดคล้องกับ EMS protocol ในท้องถิ่นนั้นๆ

2.   ระบบการบัญชาการและการควบคุม (Command and Control)
ใช้ระบบสั่งการ Incident command system (ICS) โดยแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ ส่วนบัญชาการ (Command) ส่วนแผนงาน (Planning) ส่วนการบริหาร (Finance/Administration) ส่วนสนับสนุน (Logistics) และส่วนปฏิบัติการ (Operations) โดยผู้บัญชาการเหตุการณ์ (incident commander) ควรที่จะเป็นคนที่มีประสบการณ์และมีความเชียวชาญในการบัญชาเหตุการณ์ เช่น หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น

ICS structure; ภาพจาก osha.gov
ส่วนทีมแพทย์มีบทบาทโดยเป็นสาขาหนึ่งในส่วนปฏิบัติงาน โดยหัวหน้าฝ่ายแพทย์มีหน้าที่รับมอบงานและรายงานกลับตามสายการบังคับบัญชา (สู่หัวหน้าส่วนปฏิบัติการและสู่ผู้บัญชาการเหตุการณ์ตามลำดับ)
ส่วนสนับสนุน (Logistics) เป็นส่วนที่มีความสำคัญที่สุดส่วนหนึ่งใน ICS ซึ่งเป็นฝ่ายที่ต้องจัดหาวัสดุอุปกรณ์สำหรับฝ่ายการแพทย์ให้พร้อมใช้เสมอ
เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัย (The Safety Officer: SO) จะทำหน้าที่ติดตาม ดูแลด้านความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน รวมถึงมีมาตรการป้องกันเหตุการณ์ร้าย และมีการติดต่อกับฝ่ายตำรวจในการเตรียมพร้อมให้การสนับสนุนทันทีเมื่อมีความต้องการ

3.   การสำรวจเพื่อวางแผน (Reconnaissance)
  • ตำแหน่งที่จัดงาน: ต้องไปสำรวจสถานที่จริง ดูสภาพภูมิประเทศ ดูสิ่งกีดขวางต่างๆ การระบายอากาศ การสาธารณสุขเพียงพอหรือไม่ สิ่งก่อสร้างแข็งแรงมั่นคง จะพังทลายได้หรือไม่ ป้ายบอกทางเข้า-ออกฉุกเฉิน ความปลอดภัยต่างๆ การป้องกันไฟไหม้ ปัญหามลพิษ คนมีโอกาสเหยียบกันตายหรือไม่
  • ตั้งจุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ใดบ้าง (จุดช่วยเหลือใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาทีหรือ200 เมตร; ทำ BLS ได้ภายใน 4 นาทีและทำ ALS ภายใน 8 นาที) การเดินทางและการย้ายผู้ป่วยภายในงานด้วยวิธีใด จุดสั่งการอยู่ที่ไหน ต้องใช้จำนวนคนปฏิบัติงานระดับใด จำนวนเท่าไหร่ ปัญหาความอ่อนล้าในการทำงาน (2 คนต่อ 8 ชั่วโมงโดยแบ่งทำงานคนละ 4 ชั่วโมง) ความสามารถในการรองรับงานที่มากกว่าที่คาดไว้ วางแผนอุบัติเหตุ ซักซ้อม ติดต่อกับผู้จัดงาน ติดต่อกับระบบบริการแพทย์ฉุกเฉินในท้องถิ่น ติดต่อกับทีมรักษาความปลอดภัย ตำรวจ หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลถ้ามีอุบัติภัยหมู่เกิดขึ้น ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นใครเป็นคนรับผิดชอบ
  • ฤดู: ระวังโรคที่ระบาดตามฤดูกาล เช่น ไข้หวัดใหญ่ หน้าร้อนอาจจะมีปัญหาโรคที่เกิดจากความร้อนได้ ปัญหาการขาดน้ำ หน้าฝนอาจจะมีอุบัติเหตุมากกว่าปกติได้
  • จำนวนผู้ร่วมงาน ประเภทของงานจะมีจำนวนผู้ป่วยไม่เท่ากัน (งานกีฬา (0.3-1.6:1,000) marathons (24:1,000) Rock concert (0.96-17:1,000)) มักจะมีปัญหาเรื่องยาเสพติดและการดื่มสุรา พฤติกรรมรุนแรง; งานชุมนุมทางศาสนามักจะมีคนป่วยและคนที่ไม่แข็งแรงมาร่วมงานหรืองานที่มีคนสูงอายุมามากๆซึ่งอาจต้องการหน่วยพยาบาลมากกว่าปกติ การชุมนุมทางการเมืองอาจจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นได้ อาจจะมีการใช้แก๊สน้ำตา
  • อายุ: มีเด็กและคนสูงอายุหรือไม่ เพราะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและอุบัติเหตุ มีปัญหาสุขภาพอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษหรือไม่ ต้องเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์พิเศษหรือไม่
  • สัญชาติ ศาสนา: งานมีคนหลายชาติหลายภาษาอาจต้องการบริการล่าม บริการอาหารชนิดพิเศษ ป้าย แผ่นพับและการประกาศต้องพูดหลายภาษา ปัญหาการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศหรือการเปลี่ยน time zone การฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้กับชาวต่างชาติ ปัญหากรุ๊ปเลือดบางชนิดที่พบน้อยในคนต่างชาติ อาจต้องใส่กรุ๊ปเลือดตอนลงทะเบียนหรือไม่
  • เพศหญิงจะมีปัญหาโดยเฉพาะเช่น ตั้งครรภ์ ประจำเดือน สุขอนามัย
  • มีคนสำคัญ (VIP) มาร่วมงานหรือไม่ ต้องแยกทีมดูแลเป็นพิเศษหรือไม่

 4.   ทีมทำงานในสถานที่จัดงาน (Field team) 
  • คาดการณ์ปริมาณผู้ป่วย  
  • จำนวนบุคลากรโดยประมาณได้แก่ แพทย์ 1-2 คน:50,000 ; paramedic/EMT 1 คน:10,000 ; สอนบุคลากรทำ CPR/AED; RN และ EMT สามารถทำการคัดแยกผู้ป่วยและรักษาได้; จัดการดูแลอาสาสมัคร

 5.   อุปกรณ์การแพทย์
การเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้นอกจากจะขึ้นกับระดับของผู้ปฏิบัติงานแล้วยังต้องพิจารณาเป้าหมายของภารกิจ เช่น การรีบส่งผู้ป่วยอาการหนักออกไปยังโรงพยาบาลโดยเร็วอาจจะเป็นการดีกว่าการพยายามรักษาเอง เพราะจะทำให้เกิดการสูญเสียทรัพยากรในการดูแลผู้ป่วยรายอื่นๆอีกปริมาณมาก การสำรองอุปกรณ์ของใช้ควรให้ความสนใจแก่อาการเจ็บป่วยที่จะมีโอกาสจะพบได้มากกว่า เช่น ปวดกล้ามเนื้อ แผลพุพอง ปวดศีรษะ เป็นต้น มากกว่าอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงแต่มีโอกาสเกิดได้น้อย

ตัวอย่างอุปกรณ์สำหรับ mobile unit ตามระดับของผู้ปฏิบัติงาน
  • AED
  • BP manual, glucometer (+ เข็มเจาะ alcohol sheet พลาสเตอร์ สำลี), stethoscope
  • Airway set (blades (+battery), ETTs, stylets, oral airways, xylocaine jelly, tape), O2 cannula/mask/BVM, hard collar,
  • IV set (NSS 5 mL, NSS 1-L bags, needles, tourniquet, alcohol sheets, catheters, syringe, 3-ways, extension tubes, tegaderm, bandage)
  • ไม้กดลิ้น ไฟฉาย กรรไกร หน้ากาก แว่น ผ้ากันเปื้อน ถุงมือ ถุงขยะติดเชื้อ
  • Hard collar, suction, gauze, adhesive bandage, arm sling, splints
  • ORS, glucose IV, epinephrine, atropine, amiodarone, adenosine, aspirin, NTG, CPM, BZD, morphine

 สำหรับ Fixed units จะมีอุปกรณ์เพิ่มสำหรับการทำแผลและเย็บแผล รวมถึงยาสำหรับรักษาอาการที่พบได้บ่อยๆเพิ่มเติม เช่น analgesic (paracetamol, NSAIDs, morphine), antacids, antiemetic, prednisolone, activated charcoal, ATB (PO/ointment), RSI

6.   ระบบสื่อสาร (Communications) เลือกวิธีการสื่อสารที่เหมาะสม เช่น ใช้ธงสัญญาณ, walkie-talkie (ระยะ 1-3 กม.), โทรศัพท์ (ถูก แต่อาจใช้ไม่ได้ในภาวะฉุกเฉิน), วิทยุสื่อสาร

7.   ระบบบริการสุขภาพ (Local health care system) และระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (Emergency medical services) 
  • อาจต้องมีการเฝ้าระวังโรค การฉีดวัคซีนป้องกันล่วงหน้า
  • จะส่งผู้ป่วยไปรพ.อย่างไร ด้วยวิธีใด โรงพยาบาลใกล้เคียงมีที่ใดบ้าง มีความสามารถระดับใดเช่น เป็นศูนย์อุบัติเหตุ มีศัลยแพทย์ทั่วไป/ทรวงอก เปิดห้องผ่าตัดได้ตลอดเวลา มีธนาคารเลือด ไอซียูรับได้กี่เตียง จะส่งคนไข้ไปโรงพยาบาลอย่างไรเส้นทางใด ใช้เวลาเท่าไหร่ จะสื่อสารระหว่างทีมในสถานที่จัดงานและโรงพยาบาลอย่างไร

8.   ระบบเอกสาร (documentation) ต้องมีแบบฟอร์มการบันทึก เพื่อให้ได้ข้อมูลที่จำเป็น แต่ไม่มากเกินไป สามารถบันทึกได้ในหน้าเดียว

9.   ประกันภัยความรับผิดทางการแพทย์ (Medical liability coverage) อาจจะทำในรูปประกันกลุ่ม ควรปรึกษากับผู้จัดงาน

10. การพัฒนาคุณภาพ ทบทวนพิจารณาองค์ประกอบแต่ละอย่าง ว่าสิ่งไหนทำดีดีแล้วและสิ่งไหนต้องการการพัฒนา

สรุปข้อมูลที่ต้องมีในการทำแผนปฏิบัติการทางการแพทย์
  • รายละเอียดงาน ได้แก่ ชื่องาน วันเริ่มงาน-สิ้นสุด ประเภทงาน ตารางงาน ชื่อผู้จัดงาน เบอร์ติดต่อ
  • รายละเอียดเวลาและสถานที่ ต้องเตรียมสถานที่ก่อนหรือไม่ เมื่อใด จัดงานที่ใดบ้าง เวลาใด กลางแจ้งหรือในร่ม นัดประชุมก่อน-หลังวันงาน เมื่อใด ที่ใด
  • รายละเอียดผู้ประสานงานที่เกี่ยวข้อง ชื่อ ตำแหน่ง สังกัด เบอร์โทร เช่น ฝ่ายจัดงาน รักษาความปลอดภัย ตำรวจ อาหาร เป็นต้น
  • รายละเอียดผู้มาร่วมงานประมาณ คนไทยหรือต่างชาติ ประเทศอะไร อายุประมาณเท่าใด มี VIP หรือไม่ ใคร มาเมื่อใด
  • ต้องใช้แพทย์ พยาบาล EMT กี่คน ทำอะไรบ้าง; ประกันวิชาชีพ
  • ขอบเขตของงานได้แก่ first aids, ส่งรพ.ต่อด้วยหรือไม่ ติดต่อไว้กับรพ.ใด ต้องส่งที่ไหน, ต้องดูแลใครบ้าง เช่น ผู้มาร่วมงาน นักกีฬา VIPs, สอน first aid และ BLS ให้กับอาสาสมัคร, เรียกเก็บเงินกับใคร
  • ต้องเตรียมอุปกรณ์ใช้งานอะไรบ้าง ใครเตรียมให้ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ เตียง ปลั๊กพ่วง พัดลม ไฟฉุกเฉิน ถังขยะ อาหาร/น้ำ อุปกรณ์สื่อสาร ป้ายชื่อ อุปกรณ์ประชาสัมพันธ์ แว่นกันแดด ร่ม
  • การเดินทาง เตรียมรถพยาบาลกี่คัน บัตรจอดรถ จอดที่ใด ใครรับผิดชอบ ทางเข้า ทางออก ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์หรือไม่ จุดลงจอด
  • อุปกรณ์การแพทย์สำหรับผู้ใหญ่ เด็ก VIP อะไรบ้างเช่น ambu-bag, IV set, defibrillator, infusion pump, splint, ยาที่จำเป็น
  • ตารางปฏิบัติงาน ชื่อแพทย์ พยาบาล EMT ทีมต่างๆ เวลาปฏิบัติงาน
  • แผนที่สถานที่จัดงาน จุดที่ตั้ง first aid, แผนที่การเดินทางขนผู้ป่วยไปรพ.ต่างๆ, แผนที่สำหรับอุบัติภัยหมู่



 Ref: Tintinalli ed8th, เอกสารประกอบการสอน พญ.สมจินตนา เอี่ยมสรรพางค์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น