COVID-19 in children
อาการและอาการแสดง
- ไม่มีอาการ
13%
- ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง
พบมากที่สุด คือ ไข้ ไอ (63%, 34%) และรองลงมา ได้แก่
คลื่นไส้ อาเจียน (20%) ถ่ายเหลว (20%)
ปวดท้อง (18%) น้ำมูกปวดเมื่อยตัว เจ็บคอ ปวดศีรษะ ไม่ได้กลิ่น
ไม่รู้รส
- บางส่วนมีอาการรุนแรงและมีอาการหลายระบบ
CDC criteria for MIS-C: fever > 24h + elevated inflammatory marker + > 2 systemic involvements + COVID-19 infection |
- ส่วนใหญ่มีอาการ 3-11
วัน (เฉลี่ย 5 วันในเด็ก
5-11 ปีและ 7 วันในเด็ก 12-17 ปี) ส่วนน้อย 4% มีอาการ >
28 วัน (เช่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ
ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ หายใจผิดปกติ ใจสั่น การรับรสหรือได้กลิ่นผิดปกติ)
- Lab ผิดปกติที่พบ ได้แก่ elevated
CRP (54%), ferritin (47%), LDH (37%), D-dimer (35%), procalcitonin (21%), ESR (19%),
leukocytes (20%); lymphopenia (19%), lymphocytosis (8%), elevated ALT (30%), CK-MB
(25%)
เกณฑ์การตรวจหา COVID-19
(Up-To-Date)
- มีอาการเข้าได้กับ
COVID-19
ร่วมกับ ข้อใดข้อหนึ่ง
- มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรง
(medical
complexity, genetic disease, neurological disease, metabolic conditions, cardiovascular
disease, obesity, DM, asthma/chronic lung disease, sickle cell disease, immunosuppression)
- สัมผัสโรคมาภายใน 14
วัน
- มีอาการรุนแรง (ต้องการ O2 supplement, ventilatory support, หรืออาการเข้าได้กับ MIS-C)
- ตรวจทุกรายที่รักษาตัวในรพ.
หรือ ก่อนทำ elective surgery
- +/-
ตรวจก่อนกลับเข้าเรียนหลังจากหายหรือหลังสัมผัสเชื้อ
ประเมินความรุนแรง
แบ่งเป็น mild, moderate (LRTI without need O2
supplement), severe (O2 supplement), และ
critical (ventilation support, sepsis, MOF)
การรักษาทั่วไป
- รักษาประคับประคอง ได้แก่
- O2
supplement ในรายที่ O2 sat < 94% หรือ pediatric assessment triangle ผิดปกติ >
2 ด้าน (appearance, breathing, circulation)
- Assisted
ventilation (BVM, ETT) ใน apnea, bradypnea, หรือจาก
ETCO2
- Circulatory
support ประเมินภาวะ shock จาก LOC,
skin perfusion, pulse
- Fluid
& electrolytes ถ้ามี hypovolemia และจำเป็นต้องได้
IVF แนะนำให้ NSS 20-40 mL/kg IV in 2-4 h และให้ 5%DNSS + KCL 10 mEq/L ต่อเป็น maintenance (ในเด็ก > 28 วัน ที่ไม่มี
comorbidity และยกเว้นในเด็กที่มี hypernatremia ซึ่งต้องคำนวณ IVF จาก free water loss)
- Empirical
ATB เมื่อมี CAP หรือ HAP
- ติดตามภาวะ
cytokine
release syndrome (ตรวจ CRP, D-dimer, ferritin, LDH 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์; IL-6 ตรวจ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ถ้าค่าสูงกว่าปกติหรืออาการแย่ลง)
- VTE
prophylaxis (ส่วนใหญ่เกิดในเด็กอายุ > 12 ปีและมีปัจจัยเสี่ยง) ในเด็กที่ไม่มี MIS-C ให้พิจารณาความเสี่ยงเป็นรายๆไป
แนะนำ non-pharmacologic strategies (IPC, early immobilization) ส่วนในเด็กที่มี MIS-C แนะนำให้ aspirin 3-5
mg/kg/d ทุกราย และให้ therapeutic dose LMWH ในรายที่มี
VTE, severe LV dysfunction, large CA aneurysm, severe MIS-C, หรือมีความเสี่ยงอื่นๆ
- Antiviral therapy
ใน severe-critical
COVID-19 และใน mild-moderate COVID-19 ที่เสี่ยงต่อ
severe disease แนะนำให้ remdesivir (เมื่อ
supply มีจำกัด ให้กลุ่ม severe ก่อน)
- Glucocorticoids ให้พิจารณาเป็นรายๆไป เพราะประโยชน์ในเด็กไม่ชัดเจน ใน severe
COVID-19 อาจให้ dexamethasone 0.15 mg/kg (max 6 mg) PO/IV
daily
การรักษาแบบผู้ป่วยนอก
- พิจารณาให้
antiviral
therapy (nirmatrelvir-ritonavir), monoclonal Ab, หรือ IV
remdesivir ในรายที่เสี่ยงต่อ severe disease
- เน้นที่การป้องกันการกระจายเชื้อ สังเกตอาการ และการรักษาตามอาการ
- สังเกตอาการ
ซึ่งอาจแย่ลงเฉียบพลันที่ประมาณ 1 สัปดาห์หลังเริ่มป่วย
ได้แก่ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ริมฝีปาก/หน้าเขียวคล้ำ ซึมลง
มือเท้าเย็น ตัวลาย ปัสสาวะออกน้อย กินหรือดื่มน้ำไม่ได้
ต้องไปรับการตรวจรักษาเพิ่มเติมโดยด่วน
การรักษาตามอาการ
ไข้
- ให้ความรู้ ไม่จำเป็นต้องลดไข้ทุกครั้ง เพราะไข้เป็นการตอบสนองของร่างกายตามปกติ ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อสมอง หรือทำให้การเจ็บป่วยรุนแรงมากขึ้น
- ข้อบ่งชี้ในการลดไข้
ได้แก่ shock;
มี neurologic, cardiopulmonary, หรือ
condition ที่เพิ่ม metabolic rate [burn, post-op]); มีความผิดปกติของ fluid และ electrolytes, ไข้สูง (> 40oC), ไม่สุขสบาย (ซึมลง กินได้น้อย), major head trauma, postcardiac arrest
- ในเด็กปกติ
แนะนำ acetaminophen เป็นตัวเลือกแรก เพราะปลอดภัยกว่า ส่วน ibuprofen มี
anti-inflammatory effect ร่วมด้วย
มีประสิทธิภาพดีกว่าเล็กน้อยและออกฤทธิ์นานกว่า ไม่แนะนำให้ใช้คู่หรือสลับกัน แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แต่จะเสี่ยงต่อการสับสน และก่อให้เกิด fever phobia แต่ถ้าใช้ตัวใดตัวหนึ่งแล้วไข้ไม่ลดและเด็กไม่สบายตัวมากขึ้นใน
3-4 ชั่วโมง ให้พิจารณาสลับมาใช้อีกชนิดหนึ่ง
- Acetaminophen 10-15 mg/kg PO q 4-6 h (max
5 dose/24 h, max 75 mg/kg/d x < 4 d)
- Ibuprofen 10 mg/kg/dose PO q 6 h (max 600
mg/dose, max 40 mg/kg [2.4 g/d]) ในเด็ก > 6 เดือนที่ต้องการลดไข้และต้องการฤทธิ์ anti-inflammatory ร่วมด้วย (เช่น juvenile arthritis) และเด็กยังดื่มน้ำได้ดี
- การตอบสนองต่อยาเกิดขึ้นภายใน
60
นาที และสูงสุดใน 3-4 ชั่วโมง แนะนำให้ดูที่ภาพรวม
ความสุขสบาย (กินได้ เล่นได้)
มากกว่าคอยติดตามอุณหภูมิ
- ไม่แนะนำ
external
cooling เช่นการเช็ดตัวลดไข้
เพราะมีประสิทธิภาพสั้นและทำให้ไม่สบายตัวมากขึ้น
- ภาวะที่อาจทำ external
cooling ร่วมกับการให้ยาลดไข้ ได้แก่ สงสัยมี heat illness ร่วมด้วย (เช่น ห่อตัวมากเกินไป ร่างกายขาดน้ำ หรือ
จากยาเช่น atropine) หรือในเด็กที่มี neurological
disorder ที่ร่างกายควบคุมอุณหภูมิได้ไม่ดีและตอบสนองต่อยาลดไข้น้อย
- ในรายที่ต้องการเช็ดตัวลดไข้ควรให้ยาลดไข้อย่างน้อยก่อน
30
นาที แนะนำน้ำอุ่นสบายๆ (30oC)
คัดจมูก น้ำมูกไหล
- แนะนำการรักษาประคับประคอง
ได้แก่ nasal
suction, saline nasal drop/spray/irrigation, hydration, cool mist humidifier
- ถ้าไม่ดีขึ้น
แนะนำ Ipratropium
nasal spray (อายุ > 5 ปี); PO pseudoephedrine, topical oxymetazoline (อายุ
> 12 ปี)
ไอ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ดื่มน้ำอุ่น กินน้ำผึ้ง (2.5-5 mL; อายุ >
1 ปี) ยาอม
- ไม่แนะนำให้
codeine
หรือ dextromethorphan
เจ็บคอ
- จิบเครื่องดื่มอุ่นหรือเย็น
(ชาน้ำผึ้งมะนาว) กินไอศกรีมหรือไอติม อมลูกอม (>
5 ปี) กลั้วน้ำเกลืออุ่น (1/2 ช้อนชาผสมน้ำ 240 mL; > 6 ปี)
- ในรายที่กินได้น้อย
แนะนำให้ใช้ acetaminophen หรือ ibuprofen
Vitamin D แนะนำให้ได้รับ vitamin D เสริม
โดยเฉพาะในเด็กที่โดนแสงแดดน้อย ไม่เกินขนาดสูงสุดที่แนะนำต่อวัน (<
4000 IU/d ในเด็ก > 9 ปี; < 3,000 IU/d ในเด็ก 4-8 ปี)
ระยะเวลากักตัวที่ (CDC
14 JAN 2022)
- Mild
symptoms ให้กักตัว > 5 วันหลังเริ่มมีอาการ
(ถ้าไม่มีอาการให้นับวันที่ตรวจพบเชื้อ) +
24 ชั่วโมงหลังไข้ลง + well-fitted mask ต่ออีก
5 วัน (ถ้าใส่ไม่ได้ให้กักตัว 10
วัน)
- Moderate (LRTI without hypoxia)-severe symptoms ให้กักตัว 10
วัน (ถึง 20 วันใน severe)
- Moderately-severely
immunocompromised ให้กักตัว > 20 วัน
ติดตามอาการ
ทาง video
หรือ phone (+ in-person visit ก่อนหมดระยะกักตัว
ในเด็กที่มีอาการ > 4 วัน)
- ถามอาการทางหัวใจและปอด
การไม่ได้กลิ่นหรือไม่รู้รส พัฒนาการระบบประสาท (เช่น
ระบบกล้ามเนื้อ การรับรู้ ภาษา ความจำ สมาธิ) อาการอ่อนเพลีย
ปวดศีรษะและสุขภาพทางใจ และถามอาการของโรคเบาหวาน (พบอุบัติการณ์
DM สูงขึ้น > 30 วันหลังติดเชื้อ)
- ไม่แนะนำให้ตรวจหา
SARS-CoV-2
หลังจากหายแล้ว (ตรวจพบเชื้อได้ถึง 3 เดือน)
- เมื่อครบระยะกักตัวสามารถรับวัคซีน
COVID-19
ได้ ยกเว้นในรายที่ได้ monoclonal Ab หรือ convalescent
plasma ให้รอ > 90 วัน
Post-exposure Mx
- ภายหลังใกล้ชิดผู้ป่วย
COVID-19
(รวม 48 ชั่วโมงก่อนผู้ป่วยเริ่มเกิดอาการ) ให้ตรวจ COVID-19 ที่ 5 วันหลังสัมผัส
- ถ้ายังไม่ได้วัคซีนหรือยังได้ไม่ครบ
ให้แยกกักตัว 5 วัน
- ถ้าได้วัคซีนครบแล้ว
หรือเพิ่งหายจาก COVID-19 ไม่เกิน 90 วัน ให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ใกล้คนอื่น 10 วันหลังสัมผัส
- มีการให้
monoclonal
Ab ในคนที่เสี่ยงต่อการเกิด severe COVID-10
Ref: Up-To-Date
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น