The vascular complication of soft tissue filler
ภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดเข้าไปในหลอดเลือดอาจเกิดในบริเวณใดของใบหน้าก็ได้
แต่บริเวณที่เสี่ยงคือตำแหน่งที่เส้นเลือดมีขนาดใหญ่และอยู่ตื้น เช่น
- ฉีดเพื่อลดรอยย่นหน้าผาก เวลาฉีดบริเวณนี้อาจโดนแขนงของ supraorbital หรือ
supratrochlear artery ทำให้เกิด cutaneous
necrosis หรือถ้าใช้ pressure มากพอสามารถเกิด
retrograde flow ไปอุดตัน retinal artery ทำให้ตาบอดได้
- ฉีดรอบเบ้าตา โดยเฉพาะฝั่งหัวตาจะมี supraorbital หรือ
supratrochlear artery ออกมาจาก foramen
- ฉีดเสริมจมูก จะมี dorsal nasal, lateral nasal, และ external nasal arteries อาจทำให้เกิด skin necrosis หรือ retrograde flow ไปอุดตัน retinal artery ทำให้ตาบอดได้
- ฉีดลดร่องแก้ม ริมฝีปากหรือ รอยย่นเหนือริมฝีปาก ต้องระวัง superficial labial artery (รวมถึง septal branch และ
columellar branch) ซึ่งเป็นแขนงมาจาก facial artery ก่อนจะขึ้นไปด้านข้างจมูกเป็น angular artery
- ฉีดบริเวณขมับ บริเวณนี้มี middle temporal vein ซึ่งรับเลือดมาจากเส้นเลือดดำหลายเส้น และไปรวมกับ superficial temporal vein อาจทำให้เกิด cavernous sinus embolism
ปัจจัยเสี่ยง
ได้แก่ ตำแหน่งที่ฉีด ปริมาณ (โดยเฉพาะการใช้ high
pressure) ชนิดของ filler (permanent filler ทำให้เกิด
nonreversible vascular occlusion) เข็มชนิดปลายแหลม
และแผลเป็นเดิม
อาการและอาการแสดง
- ถ้าฉีดเข้าเส้นเลือดจะเกิดอาการทันทีระหว่างที่ฉีด โดยสีผิวจะซีดชั่วครู่
อาจจะไม่เจ็บเพราะมียาชาผสม แล้วผิวจะแดงเป็นตาข่าย (livedo pattern) แล้วเปลี่ยนเป็นสีคล้ำม่วง หรือในกรณี retinal artery occlusion จะปวดตา และ vision loss ซึ่งมักไม่ดีขึ้นหลังรักษา
การรักษา
- ให้หยุดฉีดทันที ประคบร้อน และนวดเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
- ถ้าใช้ hyaluronic acid-based fillers ให้ใช้ hyaluronidase
ฉีดเข้าไปในหลอดเลือดที่เกิดปัญหาและโดยรอบ
ปริมาณที่ฉีดต้องให้เพียงพอ ผู้เชี่ยวชาญบางรายแนะนำ 300 IU แต่บางรายแนะนำ
> 1,000 IU พบว่าถ้าให้ภายใน 4 ชั่วโมงจะสามารถรักษา
necrosis ได้
Ref: Up-To-Date
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น