วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

BLS for health care provider

BLS (2015) for health care provider

Scene safety: ประเมินความปลอดภัยของสถานที่เกิดเหตุก่อนเสมอ
Team approach เพราะในสถานการณ์จริงมักจะอยู่พร้อมกันหลายคน ให้แบ่งงานกันทำ เช่น คนหนึ่งโทรเรียกคนมาช่วย คนหนึ่งปั๊มหัวใจ คนหนึ่งเปิดทางเดินหายใจคอยช่วยหายใจ คนหนึ่งไปหาเครื่อง AED เป็นต้น และถึงแม้จะอยู่คนเดียวก็สามารถทำหลายอย่างพร้อมๆกันได้ เช่น โทรศัพท์เปิด speaker พร้อมๆกับปั๊มหัวใจ เป็นต้น

Recognize & Activate emergency response system
  • เมื่อพบคนที่ไม่รู้สึกตัว ให้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ใกล้ๆ
  • ดูการหายใจพร้อมกับคลำ carotid artery ใช้เวลาไม่เกิน 10 วินาที (คลำ brachial a.ในทารกและ carotid/femoral a. ในเด็ก 5-10 วินาที)
ตำแหน่งการคลำ brachial artery ในทารก
  • โทรขอความช่วยเหลือและถามหาเครื่อง AED
  • ยกเว้น: เด็ก/ทารกที่เป็น unwitnessed collapse และผู้ใหญ่ cardiac arrest จากการจมน้ำ หรือ FB obstruction ให้ CPR 2 นาที ก่อนตามคนช่วยเหลือ
  • ถ้ามีชีพจรแต่ต้องการการช่วยหายใจ ทำการช่วยหายใจ 5-6 วินาทีต่อครั้ง (10-12 ครั้งต่อนาที)  (ในเด็กทำการช่วยหายใจ 3-5 วินาทีต่อครั้ง (12-20 ครั้งต่อนาที)) 
  • ถ้าสงสัยเกิดจาก opioid overdose ให้ Naloxone IN/IM
  • ถ้าไม่หายใจ หายใจเฮือก หรือไม่มี pulse ให้เริ่มทำ CPR (ในเด็กที่มี pulse < 60/min ร่วมกับมี poor perfusion ให้เริ่มทำ CPR เช่นกัน)


CPR: CAB
  • จัดผู้ป่วยนอนหงายบนพื้นผิวที่แข็งในสถานที่ปลอดภัย
  • วางส้นมือซ้อนและขนานกันบริเวณครึ่งล่างของกระดูกหน้าอก (ในเด็กตัวเล็กมากอาจใช้มือเดียว ในทารกใช้ 2 fingers ต่ำกว่า intermammary line หรือถ้ามีผู้ช่วยใช้ 2 thumb-encircling) 
  • กดหน้าอกอย่างมีประสิทธิภาพ
    • กดลึก 2-2.4 นิ้ว (5-6 ซม.) (ในเด็กและทารกให้กดหน้าอกอย่างน้อย 1/3 ของทรวงอก ประมาณ 2 นิ้ว (5 ซม.) ในเด็กและประมาณ 1.5 นิ้ว (4 ซม.) ในทารก)
    • กดเร็ว 100-120 ครั้งต่อนาที
    • ปล่อยสุด ไม่เอนตัวทิ้งน้ำหนักบนหน้าอก โดยให้ทรวงอกกลับคืนจนสุด พยายามให้เวลาในการกดและปล่อยทรวงอกพอๆกัน
  • รบกวนการกดหน้าอกให้น้อยที่สุด หยุดได้ไม่เกิน 10 วินาทีในกรณี ช่วยหายใจ คลำชีพจร ช็อกไฟฟ้าหัวใจ ใส่ ETT
ส้นมือวางตั้งฉากกับผู้ป่วย วางซ้อนและขนานกันบนครึ่งล่างของกระดูก sternum แขนตรง ศอกตึง ตั้งฉากกับผู้ป่วย ใช้สะโพกเป็นจุดหมุน และตะโกนนับดังๆเวลา CPR ด้วย

CPR: CAB
  • เปิดทางเดินหายใจโดยทำ Head tilt-chin lift
  • Jaw thrust :ในผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีการบาดเจ็บของกระดูกสันหลังบริเวณคอ 
  • ทำ manual inline immobilization ในผู้ป่วยที่สงสัยการบาดเจ็บของไขสันหลัง

Jaw thrust; ภาพจาก aic.cuhk.edu.hk
manual inline immobilization; ภาพจาก SCRUMCAPS COURSE

 CPR: CAB
  • หลังจากทำการกดหน้าอกไป 30 ครั้งจึงเริ่มช่วยหายใจ 2 ครั้ง
  • ช่วยหายใจแต่ละครั้งมากกว่า 1 วินาที
  • ให้ปริมาตรเพียงที่เห็นหน้าอกเคลื่อนไหว (ประมาณ 500-600 mL หรือ 6-7 mL/kg)
  • เวลารวมในการช่วยหายใจไม่เกิน 10 วินาที
  • กดหน้าอก 30 ครั้งสลับกับการช่วยหายใจ 2 ครั้ง (30:2) เปลี่ยนผู้ทำการกดหน้าอกทุก 2 นาที (~ 5 รอบ) (ในเด็กและทารกถ้ามีผู้ช่วยให้ทำ 15:2) **ใช้เวลาเปลี่ยนตำแหน่งกันภายใน 5 วินาที
  • การช่วยหายใจมีหลายวิธี เช่น mouth-to-mouth, mouth-to-nose, mouth-to-stoma, mouth-to-mask เป็นต้น
การวาง mask ให้วางเริ่มจากฝั่งด้านจมูกก่อน; AHA 2015
วิธีการจัด mouth-to-mask ในการช่วยหายใจ; AHA 2015
  • Bag-mask ventilation
    • เลือกใช้หน้ากากชนิดใส
    • บีบประมาณ 2/3 ของ adult bag ขนาด 1 ลิตร (TV 600 mL)
    • เปิด Oxygen มากกว่า 10-12 L/min จะได้ Oxygen concentration ~ 40%
  • ถ้าผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจแล้วให้ช่วยหายใจ 1 ครั้งทุกๆ 6-8 วินาที (8-10 ครั้งต่อนาที) โดยที่ไม่ต้องหยุดขณะทำการกดหน้าอก

***ถ้าจะทำ chest compression only CPR การให้ passive ventilation technique โดยให้ high flow O2 ผ่าน face mask with oropharyngeal airway จะได้ผลลัพท์ที่ดีขึ้น

คนปั๊มหัวใจ นับเสียงดังขณะปั๊มหัวใจ คนที่ช่วยหายใจ คอยเปิด airway ไว้ และคอยแนะนำให้คนที่ปั๊มหัวใจทำให้ได้คุณภาพ เปลี่ยนกันทุก รอบหรือ นาที; AHA 2015

Rapid defibrillation 
  • เมื่อเครื่อง AED มาถึงให้เริ่มใช้ได้เลยไม่ต้องรอ CPR ให้ครบ cycle
  • ช็อกไฟฟ้าหัวใจทันทีที่ทำได้ (เมื่อมีข้อบ่งชี้) รบกวนการกดหน้าอกให้น้อยที่สุดทั้งก่อนและหลังการช็อกไฟฟ้า ทำการกดหน้าอกต่อทันทีหลังการช็อกไฟฟ้า
  • ในเด็กแนะนำให้ใช้ AED with paediatric attenuator หรือ manual defibrillator เริ่มจาก 2 J/kg (4 J/kg ใน dose ที่สอง) และใช้ paddle เด็กถ้า < 10 kg
ในเด็ก < 8 ปี หรือ < 25 kg ถ้าใช้ AED ต้องมี pediatric dose attenuator
นเด็ก < 1 ปีหรือ < 10 kg ถ้าใช้เครื่อง defibrillator ให้ใช้ paddle เด็ก
***ถ้าเป็น witnessed arrest ที่เป็น shockable rhythm สามารถกดหน้าอกต่อเนื่อง 200 ครั้ง ร่วมกับการให้ passive O2 (เช่น on O2 mask) และ airway adjuncts สลับกับ defibrillation x 3 cycle


ข้อควรระวัง  
  • ห้ามสัมผัสผู้ป่วยขณะทำการช๊อกไฟฟ้าหัวใจ แม้ว่าจะใส่ถุงมือ 2 ชั้นก็ยังอาจไม่ปลอดภัย
  • ถ้าผู้ป่วยอยู่บนที่เปียกให้เคลื่อนย้ายมาที่แห้งก่อน
  • Manual defibrillator ให้ถือชี้ลงล่างเสมอ การชี้แผ่นเข้าหากันหรือโบกแผ่นไปมาอาจทำให้พลังงานถูก discharge ออกเองได้
  • ในคนที่มีขนหน้าอกเยอะแล้วเครื่องไม่สามารถ analyze rhythm ได้ ให้ดึง adhesive paddle ออกเร็วๆให้ขนหลุดติดออกมา แล้วค่อยติดแผ่นใหม่
  • ในคนที่ผิวหนังเปียกชุ่ม ให้เช็ดให้แห้งก่อน (ไม่ถึงกับต้องแห้งสนิท)
  • ถ้ามีโลหะบนร่างกาย หรือแผ่น nitroglycerine ให้เอาออกก่อน
  • ระวังไม่ให้มี O2 ไหลผ่านบริเวณที่จะช๊อกไฟฟ้า
  • ไม่ให้ gel กระจากไปใกล้ paddle อื่นภายใน 5 cm
  • ไม่วาง paddle ใกล้กับ internal pacemaker < 12.5 cm
Audiovisual feedback device ระหว่าง CPR เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ CPR
Recovery position 
  • ถ้าผู้ป่วยหมดสติ แต่หายใจได้เอง ไม่มีการบาดเจ็บบริเวณกระดูกสันหลังบริเวณคอ ให้จัดท่าพักฟื้น

Foreign body obstruction
  • ในรายที่ยังพูดได้ ไอได้ ไม่เขียว ให้ปล่อยให้ผู้ป่วยหายใจเองขณะที่รอความช่วยเหลือ
  • ทำ Heimlich maneuver หรือทำ chest thrust ในคนท้องหรืออ้วนจนไม่สามารถโอบรอบท้องได้

Heimlich  maneuver
Family presence during CPR
  • แนะนำให้อนุญาตให้ญาติอยู่ขณะทำ CPR ได้ (ถ้าไม่มีผลต่อประสิทธิภาพในการทำ CPR) และต้องมีคนคอยแนะนำว่ากำลังทำอะไรและตอบคำถามญาติด้วย พบว่าไม่มีผลกับ survival rate แต่มีประโยชน์กับจิตใจของญาติ 


1 ความคิดเห็น: