ความรู้พื้นฐาน
- เซลล์หัวใจจะมีลักษณะเฉพาะ คือมี automaticity, conductivity, excitability, และ contractility โดยในแต่ละเซลล์จะมีลักษณะพวกนี้ผสมกันอยู่ โดยแต่ละประเภทของเซลล์จะมีลักษณะเด่นแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน เช่น “pacemaker cells” จะมี automaticity เด่น, conductive system จะมี conductivity เด่น, ventricular free-wall myocytes จะมี contractility เด่น
- Cardiac cycle สามารถแบ่งได้เป็น 2 ช่วง คือ absolute refractory period (myocyte ไม่ตอบสนองต่อ excitatory stimuli) และ relative refractory period (myocyte สามารถตอบสนองต่อ stimuli ได้) ดูการอธิบายเรื่อง regional action potentials ใน clip ด้านล่าง
- Cardiac dysrhythmias เกิดจาก 3 กลไก คือ enhanced automaticity, triggered activity, และ reentry ทำให้เกิด arrhythmia แบบต่างๆ ดูการอธิบายจาก clip ด้านล่าง
- เมื่อเกิด VF หรือ pulseless VT จะทำให้เกิด sudden cardiac arrest (SCA) สิ่งที่ต้องทำ (หลังจาก activated emergency response) คือ การทำ effective chest compression เพราะในขณะที่เป็น VF พบว่า myocyte ใช้ O2 และ ATP ในอัตราที่มากกว่าหรือใกล้เคียงกับ normal contraction ดังนั้นการทำ chest compression (แม้ว่า blood flow ที่เกิดขึ้นจะน้อยกว่า physiologic level) จะช่วยกำจัด by-product ที่เกิดจาก VF เพื่อให้ myocardium มีโอกาสตอบสนองต่อการทำ defibrillation ได้ดีขึ้น
- หลังจากเกิด SCA อัตราการรอดชีวิตจะลดลง 7-10% ในทุก 1 นาที แต่ถ้าทำ CPR จะทำให้อัตราการรอดชีวิตลดลงแค่ 3-4% ในทุก 1 นาที และถ้าเป็น witnessed SCA และทำ CPR ร่วมกับ defibrillation ทันทีจะเพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้ถึง 4 เท่า
Electrode-patient
interface
Self-adhesive
defibrillation pads VS handheld paddles
|
Defibrillation
ข้อบ่งชี้
- Ventricular fibrillation หรือ pulseless ventricular tachycardia
- กรณีที่สงสัยว่าเป็น fine VF หรือไม่ ให้เปลี่ยนดูหลายๆ lead หรือ หมุน paddle 90o และเพิ่ม amplitude
- มี pulse
- Asystole หรือ pulseless electrical activity
- Signs of death
- Do-Not-Resuscitate order
- ข้อควรละเว้น เช่น อยู่ใน explosive environment ระวังการเกิด electrical arcing
วิธีการ
เมื่อพบผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว ให้ทำตามขั้นตอนของ BLS ได้แก่ recognize & activate emergency response system, CAB (Circulation, Airway, Breathing), เมื่อเครื่อง defibrillator หรือ AED มาถึงให้เริ่มใช้ได้เลยไม่ต้องรอ CPR ให้ครบ cycle (ดูเรื่อง BLS, ACLS)
- CPR before defibrillation: ในทางทฤษฎี การทำ CPR ก่อน shock delivery (CPR-first) น่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเกิด ROSC แต่ในทางปฏิบัติมีเพียงบางการศึกษาในกลุ่ม out of hospital cardiac arrest เท่านั้นที่พบว่าได้ประโยชน์ ในปัจจุบันจึงยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะแนะนำการทำ CPR-first ในกลุ่ม non EMS witnessed VF/pulseless VT cardiac arrest
- Rhythm assessment: ทา gel ที่ handheld electrode paddles และทำ quick-look หรือ ติด self-adhesive pad electrodes โดยติด sternal electrode ที่ด้านขวาของ sternum ต่ำกว่า clavicle และวาง apical electrode ที่ midaxillary line ประมาณ 5th-6th intercostal space แล้วเปิด defibrillator monitor เปลี่ยนเป็น paddle lead และปรับเพิ่ม ECG signal ให้เหมาะสม (ช่วยไม่ให้แปลผล fine VF ผิดเป็น asystole) ทำการแปลผล rhythm ว่าเป็น shockable rhythm หรือไม่
- Energy selection: พลังงานครั้งแรกที่แนะนำใน pulseless VT/VF สำหรับ BTE คือ 150-200 J (ครั้งต่อๆไปควรเพิ่ม energy level); ส่วน biphasic waveforms อื่นๆยังไม่มีหลักฐานเพียงพอในการแนะนำ; monophasic แนะนำ 360 J ในครั้งแรกและครั้งต่อๆไป
- Mode selection: ตรวจสอบดูว่าเป็น unsynchronized mode
- Defibrillate: ให้สัญญาณคนรอบข้างด้วยเสียงดังฟังชัดว่า “I’m clear, you’re clear, everybody’s clear” เมื่อ charge พลังงานแล้วและไม่มีคนสัมผัสกันผู้ป่วย ถ้าใช้ paddles ให้ใช้แรงกด 8 กก. (เพื่อเพิ่ม contact และ deflate lung) แล้วกด shock ซึ่งมักจะเห็น whole-body muscle twitch ตามมา ถ้าไม่มีให้ตรวจดูว่าเป็น unsynchronized mode หรือไม่
- Resume CPR: ทำ chest compression ต่อทันที ตาม algorithm ของ BLS/ACLS โดยไม่เสียเวลาทำ rhythm analysis หรือ pulse check
Cardioversion
คือการให้ direct current “shock” ผ่าน ventricle ในช่วง absolute refractory period ของ ECG (peak ของ R wave) เพื่อให้ conduction pattern กลับมาเป็นปกติ
ข้อบ่งชี้
- Reentrant tachydysrhythmia (VT, SVT, AF, atrial flutter) ใน unstable clinical situation ได้แก่ มีอาการ chest pain, pulmonary edema, lightheadedness, หรือ hypotension เป็นต้น; หรือในรายที่ failed medical therapy
- Dysrhythmias ที่เกิดจาก enhanced automaticity (digitalis toxicity, sinus tachycardia, multifocal atrial tachycardia) จะไม่สามารถแก้ได้ด้วยการทำ cardioversion (มี homogenous depolarization state อยู่แล้ว) ต้องให้ยาเพื่อกด automaticity
- Digitalis toxicity นอกจากการทำ cardioversion จะไม่ได้ผลแล้วยังอาจทำให้เกิด post-shock VT หรือ VF; ถ้าเป็น therapeutic digoxin level พบว่าไม่เพิ่มความเสี่ยง แต่มักแนะนำให้หยุด digoxin 24 ชั่วโมงก่อนทำ cardioversion
- เตรียมผู้ป่วย อุปกรณ์/ยา ได้แก่ เปิด IV access, PO2 และ PCO2 monitoring, airway equipment; ยา sedation, analgesic, antiarrhythmic (amiodarone, lidocaine, atropine), fluid; defibrillator
- ถ้ามีเวลาควรแก้ไข metabolic abnormality ก่อน เช่น hypokalemia, hypomagnesemia, hypoxia, metabolic acidosis, respiratory acidosis
- ทำ moderate sedation (ดูเรื่อง procedural sedation) ยาที่นิยมให้ เช่น ให้ IV fentanyl (1.5 mcg/kg) นำไปก่อน 3 นาที แล้วตามด้วยยา sedation เช่น midazolam (0.15 mg/kg), etomidate (0.15 mg/kg), propofol (0.5-1.0 mg/kg), propofol (0.5 mg/kg) + ketamine 1.5 mg/kg; แนะนำให้ฉีดยาในเวลา 30 วินาที
- เลือกเป็น synchronized mode ถ้า R- หรือ S-wave deflection มีขนาดเล็กจนเครื่องไม่สามารถจับได้ ให้เปลี่ยน lead monitor หรือขยับ arm lead ให้มาใกล้หน้าอกมากขึ้น
- Energy levels เริ่มต้นที่แนะนำตาม ACLS ได้แก่ Narrow regular (SVT, atrial flutter): 50-100 J, Wide regular (VT): 100 J, Narrow irregular (AF): 120-200 J (150 J)
- ให้สัญญาณ, charge, และ shock delivery เช่นเดียวกับการทำ defibrillation
- ให้ antiarrhythmic ต่อหลัง conversion VT
- Hypoxia จากยา sedation
- Chest wall burn ถ้าเกิดมักเป็น superficial partial-thickness burns
- Cardiac complication เช่น dysrhythmias (high-dose 200J; VT, VF, bradycardia, AV block), post-shock bradycardia (มักพบใน ischemic heart), hypotension, pulmonary edema อาจเกิดหลังหลายชั่วโมง
Ref: Robert Clinical Procedure, AHA defibrillation
ขอเป็นกำลังใจให้เขียนต่อไปค่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ
ตอบลบ