Airway and ventilation management in COVID-19
PPE ที่แนะนำสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องดูแลผู้ป่วยโดยตรง
ได้แก่
- Medical mask
- Gown
- Gloves
- Eye protection (goggles,
face shield)
ถ้าต้องทำหัตถการที่ทำให้เกิดละอองลอย
(aerosol) ให้ใส่
apron และใส่ respirator
N95 หรือ FFP2
Respiratory care
- Supportive care อื่นๆ ได้แก่ vascular access (CVC, A-line), IV fluid (แนะนำให้ vasopressor มากกว่า large volume
IV resuscitation [> 30 mL/kg]), nutrition support
- หลีกเลี่ยง
nebulizer แนะนำให้ใช้ inhaler แทน
- Oxygen
therapy ใช้
O2 ให้น้อยที่สุด
โดยเป้าหมายให้ SpO2 > 94% ในช่วง resuscitation
และให้ maintenance > 90%
- Nasal cannula เปิด O2 flow 2-6 LPM อาจใส่ไว้ใต้ facemask
โดยเฉพาะถ้าไม่ได้อยู่ใน airborne isolation
room หรือระหว่างเคลื่อนย้าย
- Non-rebreathing
face mask ใส่ไว้บน facemask เปิดได้ถึง
10 LPM
- HFNC
มีความเสี่ยงต่อการเกิดละอองลอย (aerosol) ให้ใส่ไว้ใต้ facemask
หรือ N95 (ระหว่างที่บุคลากรเข้าไปดูแลผู้ป่วย)
ใช้ flow ให้น้อยที่สุด (เช่น 20 L/min + FiO2 0.4)
โดยปกติแนะนำ HFNC > NIV ยกเว้นว่ามี
acute hypercapnia จาก COPD/CHF หรือมีปัญหา
OSA หลังจากนั้นให้ประเมินผู้ป่วยอย่างน้อยทุก 1-2 ชั่วโมง
- NIPPV แนะนำ full-face mask > nasal/oronasal mask และใช้ dual circuit + filter ที่ expiratory limb ตั้ง ventilator เริ่มจาก CPAP ใช้ pressure ที่น้อยที่สุด (5-10 cmH2O)
***บางแห่งอาจแนะนำให้ทำ early intubation แทนการใช้ HFNC หรือ NIV โดยต้องพิจารณาถึงประโยชน์ (avoid aerosol) และโทษ (unnecessary intubation, ventilator demand)
- Self-proning กระตุ้นให้ผู้ป่วยนอนคว่ำมากเท่าที่ทำได้
Intubation
ส่วนใหญ่แพทย์ที่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วย
COVID-19 มักจะแนะนำให้ early
intubation ซึ่งขึ้นอยู่กับแนวทางปฏิบัติของแต่ละที่ เช่น จะใช้ HFNC/NIV
ก่อนหรือไม่
สิ่งสำคัญ คือ การติดตามอาการ + ABG อย่างใกล้ชิดทุก 1-2 ชั่วโมง ลักษณะที่แสดงว่าควรทำ intubation
แล้วได้แก่
- อาการแย่ลงอย่างรวดเร็ว
- อาการไม่ดีขึ้นหลังให้
O2 supplement มากขึ้น (O2 sat < 90%; HFNC > 40 L/min + FiO2 > 0.6)
- ABG pH < 7.3 + PaCO2 > 50
- Hemodynamic instability หรือมี multiorgan failure
ขั้นตอน
หลักการ คือ ควรทำ intubation สำเร็จในครั้งเดียว จึงควรให้แพทย์ที่มีประสบการณ์ในการใส่ ETT สูงสุดเป็นคนทำ และควรเลือกวิธี RSI เพื่อหลีกเลี่ยงการพุ้งกระจายจากการไอ
Preparation:
“เตรียมคน เตรียมอุปกรณ์
เตรียมยา”
- เตรียมคน
- ผู้ป่วยอยู่ในห้อง negative pressure (ถ้าเป็นไปได้)
- แพทย์ 1 คน + พยาบาล 2 คน +/- แพทย์/พยาบาลดมยา (ใส่ PPE standby นอกห้อง กรณี difficult airway)
- PPE (gown + cap +/- shoe covers; double gloves, face shield, N95/PAPR)
- สรุปขั้นตอนและข้อควรระวังให้ทีมฟัง
- เตรียมอุปกรณ์พื้นฐาน
(SOAP ME) รวมถึง video
laryngoscope, BVM with HEPA filter, ventilator + tubing with closed suctioning
system + HEPA filter, smooth cramp สำหรับ ETT, ETCO2
- เตรียมยาให้พร้อมใช้ก่อนเข้าห้อง
Preoxygenation
- ผู้ป่วยอยู่ในท่า
upright หรือ reverse Trendelenburg
position ให้ low-moderate flow (10-15 L/min) 100% O2
x 3-5 นาที
- ถ้าจำเป็นอาจใช้ modified NIV โดยใช้ full-face
mask + tightly fitting + HEPA filter
- กรณีที่ยัง hypoxia (O2 < 93%) หลังให้ O2 mask with bag และ NIV อาจใช้ BVM + PEEP + HEPA filter โดยให้ hold mask ด้วย 2 มือ พยายามไม่ให้มีลมรั่ว เปิด O2 flow 15-25 LPM โดยไม่ต้องบีบ Ambu-bag (บางแหล่งให้ผู้ป่วย on cannula 5 LPM ไปด้วย)
- ถ้าจำเป็นต้องบีบ Ambu-bag ให้ใช้ tidal volume ให้น้อยที่สุด บีบสัมพันธ์กับการหายใจของผู้ป่วย
- ในคนที่กระสับกระส่ายไม่ร่วมมือ
อาจให้ ketamine ขนาดต่ำไปก่อน (0.5 mg/kg
IV) เพื่อให้การ hold mask ทำได้ดีขึ้น (ในการให้ยาช่วง induction ให้ใช้ ketamine ที่เหลือ)
Pretreatment
- อาจให้
IVF bolus ในคนที่มี dehydration แต่หลีกเลี่ยง high-volume fluid resuscitation ในคนที่เสี่ยงต่อ
ARDS
- อาจให้
vasopressor (NE) infusion ในคนที่มี hypotension
หรือ hemodynamic instability
Paralysis and
induction
- แนะนำให้
full dose NMBA (rocuronium 1.5 mg/kg, succinylcholine
2 mg/kg) เพื่อหลีกเลี่ยง cough
Placement &
post-intubation Mx
- ใช้
video laryngoscopy ใส่ ETT ลึก 19-22 cm (อาจลดการ CXR เพื่อยืนยันตำแหน่ง)
- ให้
blow cuff ก่อนทำ PPV (ต่อกับ ventilator circuit ที่เตรียมไว้เลย)
- ทุกครั้งเวลาต้อง
connect หรือ disconnect ETT ให้ clamp ETT ก่อน (จังหวะ end-expiration)
- ให้ยา sedation ผู้ป่วยให้เพียงพอ เพื่อหลีกเลี่ยง accidental extubation หรือ tube disconnection positive pressure ventilation
- อาจทำ CVC ต่อเลย เพื่อลดโอกาสการปนเปื้อน
**FDA ไม่แนะนำให้ใช้ aerosol
intubation box เนื่องจากการศึกษาพบว่าเพิ่มความเสี่ยงในการสัมผัสโรคมากขึ้น
และทำให้การใส่ ETT ช้า
ยกเว้นเป็นกล่องชนิดคลุมสนิทสามารถลดการปนเปื้อนได้ แต่ก่อนเอากล่องออกต้องดูด
aerosol ออกก่อน (wall suction 15 นาที)
Ventilator setting
Low tidal volume
ventilation
- Assist control ตั้ง
TV เริ่มจาก 6
mL/kg predicted
BW (4-8 mL/kg PBW)
- RR 25-30/min ให้ match กับ baseline MV
- ปรับ
FiO2/PEEP ตามสัดส่วนให้ได้ O2
sat 88-95% (PaO2 55-80 mmHg) ได้แก่ 0.3/5,
0.4/5-8, 0.5/8-10, 0.6/10, 0.7/10-14, 0.8/14, 0.9/14-18, 1.0/18-24
- ถ้า
Pplat > 30 cmH2O ให้ปรับ TV
ลดลงทีละ 1 mL/kg (min 4 mL/kg PBW); ถ้า Pplat
< 25 + TV < 6 mL/kg ให้เพิ่ม TV ทีละ 1
mL/kg หรือเป็น 6 mL/kg
Prone ventilation
- ในรายที่ low tidal volume ventilation แล้วอาการไม่ดีขึ้น
(PaO2/FiO2 < 150 x 12 h หรือ worsening
oxygenation) แนะนำให้ใช้ prone position 12-16 ชั่วโมงต่อวัน
- ถ้า Pplat > 30 cmH2O ให้ปรับ TV
ลดลงทีละ 1 mL/kg (min 4 mL/kg PBW); ถ้า Pplat
< 25 + TV < 6 mL/kg ให้เพิ่ม TV ทีละ 1
mL/kg หรือเป็น 6 mL/kg
- Rescue Tx ในรายที่ทำ prone position แล้วไม่ดีขึ้น ได้แก่ recruitment
maneuvers + high PEEP strategies, inhaled pulmonary vasodilator, NMB, ECMO
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น