Approach to pediatric emergencies
ดังวลีที่ว่า ”เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ย่อส่วน”
เพราะเด็กมีความแตกต่างจากผู้ใหญ่ในหลายด้าน
การดูแลผู้ป่วยเด็กจึงมีสิ่งที่ต้องรู้หลายเรื่องได้แก่
ต้องรู้จักใช้วิธีในการเข้าหาให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กในแต่ละวัย
ได้แก่
- 0-6 เดือน ในวัยนี้มี responsive smile ยังไม่กลัวคนแปลกหน้า ให้แม่อุ้มทารกไว้ ตรวจด้วยท่าทีที่นุ่มนวล ไม่จ้องตาเขม็ง คว้าตัว พูดเสียงดังให้ทารกตกใจ
- 6 เดือน – 3 ปี ในวัยนี้จะมี stranger anxiety ในตอนแรกให้แพทย์อยู่ห่างจากผู้ป่วยพอสมควร ให้เด็กนั่งบนตักแม่ เพื่อให้เด็กรู้สึกปลอดภัย อาจทักทายเด็กด้วยถ้อยคำง่ายๆและอ่อนโยน เบนความสนใจด้วยวัตถุสีสด แสดงการใช้เครื่องมือต่างๆว่าไม่มีอันตราย เช่น เอา stethoscope แตะที่มือมารดาเพื่อลดความรู้สึกกลัวก่อนการตรวจจริง
- 3-5 ปี วัยนี้อาจซักประวัติจากเด็กได้โดยตรง ลักษณะเด่นคือมี magical thinking เพราะฉะนั้นก่อนทำอะไรให้อธิบายให้ฟังสั้นๆก่อน แต่ไม่ควรลงรายละเอียดมากเพราะอาจทำให้ตื่นกลัวมากขึ้น
- 5-12 ปี ซักประวัติจากเด็กได้โดยตรง วัยนี้จะมี concrete reasoning (เหตุผลแบบตรงไปตรงมา) ก่อนทำหัตถการให้อธิบายรายละเอียดให้ฟังก่อน
- 12-17 ปี มีความรู้สึกเหมือนกับผู้ใหญ่ มี abstract reasoning (เข้าใจในภาพรวม) และมี autonomy (เจตจำนงอิสระ) ใช้หลักเดียวกับผู้ใหญ่คือมี confidentiality และ human dignity
การซักประวัติ
- ในวัยที่ยังพูดไม่ได้ ประวัติจะได้จากคนเลี้ยง ซึ่งคนเลี้ยงที่รู้จักเด็กอย่างดีจะสามารถบอกได้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมเล็กๆน้อยๆ
- ประวัติอดีตที่มีความสำคัญในเด็กแรกเกิดและทารก คือประวัติโรคประจำตัวของแม่ ประวัติคลอด (ฝากครรภ์? โรคติดเชื้อหรือได้รับยาต่างๆระหว่างตั้งครรภ์? คลอดครบกำหนด? คลอดปกติ? คลอดแล้วร้องทันที? กลับบ้านพร้อมแม่? มีตัวเหลืองหรือตัวเขียวหลังคลอด?)
- ประวัติอดีตในเด็กอื่นๆที่สำคัญ ได้แก่ วัคซีนครบ? พัฒนาการตามวัย (ร่างกาย ภาษา อารมณ์ สังคม: การเรียน ชีวิตที่บ้าน ที่โรงเรียน)? ประวัติโภชนาการ (กินนมแม่? นาน? การเตรียมภาชนะในการผสมนม) พฤติกรรม (กิน นอน ออกกำลังกาย)
พัฒนาการด้านร่างกายและภาษาในแต่ละวัย
Motor ประมาณ
75-90 percentile:
|
ตรวจร่างกาย
- การเข้าหาและวิธีการตรวจควรเหมาะสมตามระดับพัฒนาการ เลือกตรวจที่ที่รบกวนเด็กน้อยที่สุดก่อน
- ประเมินตามหลัก PALS ดู pediatric assessment triangle ประเมิน ABCDE
- ต้องรู้จัก vital signs ปกติในแต่ละช่วงอายุดังนี้
ประมาณน้ำหนักเด็กไทย
P50
ประมาณ
V/S
|
Ix:
- ตามการวินิจฉัยแยกโรค สิ่งที่ต้องพิจารณาคือความจำเป็นในการตรวจ โดยเฉพาะโรคที่การตรวจเลือดมักไม่ค่อยช่วยในการรักษา เช่น febrile convulsion, dehydration, chest pain เพราะการเจาะเลือดเด็กทำให้เกิดความกลัว ความเจ็บปวดและยังมีความยุ่งยากมากกว่าอีกด้วย
- การทำ imaging ต้องคำนึงถึงผลเสียและความยุ่งยากที่เกิดขึ้น ได้แก่ ionizing radiation (x-ray risk), sedation
Tx:
- ดูเรื่อง PALS resuscitation
- ดูเรื่อง pain management และ procedural sedation ในเด็ก
- การให้ยาต้องคำนวณตามน้ำหนักหรือ body surface area เลือกยาที่ไม่มีผลข้างเคียงแก่เด็ก ดูเรื่องการให้ยาใน overweight และ obese patients
- ต้องได้รับคำยินยอมในการทำหัตถการใดๆกับเด็ก ยกเว้นกรณีที่จำเป็นถึงชีวิตที่สามารถให้การรักษาได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากพ่อแม่ก่อน ดูเรื่องภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉิน และการปฏิเสธการรักษา
Dispositions:
พิจารณา admit, transfer หรือ discharge
นอกจากจะดูจากตัวโรคแล้วยังต้องพิจารณาจากความน่าเชื่อถือของคนเลี้ยงอีกด้วย
Ref: Tintinalli ed8th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น